กรมสรรพากร เตรียมชง ครม. ปรับกรอบรายได้ภาษีบุคคลธรรมดา ไม่เกิน 3 หมื่นบาท ไม่ต้องจ่ายภาษี คาดมีผลปี 2560 หวังช่วยลดปัญหาการเหลื่อมล้ำ และความยากจนของประชาชน
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมการติดตามงานและมอบนโยบายการดำเนินงานในปี 2559 ยืนยันมาตรการในปีนี้เน้นแนวคิดลดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และต้องมีความยั่งยืนทางการคลัง
ทั้งนี้ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรเตรียมเสนอการปรับโครงสร้างภาษีรายได้ของบุคคลธรรมดาไปยัง รมว.คลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการปรับกรอบบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษี (จากเดิม 20,000 บาทต่อเดือน) ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยให้มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2560 และสามารถยื่นแบบและเสียภาษีในปี พ.ศ. 2561
อย่างไรก็ตามสำหรับสาระสำคัญของการลดภาษีบุคคลธรรมดานี้ ก็เพื่อลดภาระผู้มีสิทธิ์จ่ายภาษี ให้มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ และปัญหาความยากจน โดยจะมีทั้งการลดอัตราภาษี การเพิ่มหักค่าใช้จ่ายเหมารวมที่ปัจจุบันได้ 60,000 บาท การพิจารณาค่าหักลดหย่อนในส่วนของบุตรจะไม่จำกัดจำนวนคนและการหักลดหย่อนอื่น ๆ ด้วย
ปัจจุบันบุคคลธรรมดาที่มีสิทธิ์ยื่นแบบชำระภาษี 10 ล้านคน แต่เสียจริงแค่ 6-7 ล้านราย ในจำนวนนี้มีผู้มีรายได้สุทธิเกิน 4 ล้านบาท ซึ่งต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุด 35 เปอร์เซ็นต์ อยู่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ยื่นภาษีทั้งหมด จึงถือเป็นจำนวนไม่มาก และการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาในครั้งนี้จะทำให้เกิดความเป็นธรรมของผู้มีรายได้มากและน้อยมากขึ้น
นอกจากนี้การปรับภาษีบุคคลธรรมดาจะสอดคล้องกับอัตราภาษีนิติบุคคลที่เสียอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ และเสียภาษีเงินปันผลอีก 8 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 28 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุด 35 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมากกว่าภาษีนิติบุคคล 2 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
