ภาคเอกชน ขานรับ นโยบายรัฐบาล ผุดบ้านเพื่อคนจน หลังละไม่เกิน 5 แสนบาท ขุนคลัง ชี้ เงินเดือนแค่ 10,000 บาทก็สามารถมีที่อยู่ได้ ผ่อนแค่เดือนละ 3-4 พันบาท เล็งลดหย่อนภาษี ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วม พร้อมดึงธนาคารออมสิน-ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รองรับสินเชื่อ ด้านกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร เร่งอัดโปรโมชั่นเพิ่มยอดขายช่วงปลายปี
วานนี้ (16 ตุลาคม 2558) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการประชุมกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะให้ผู้ประกอบการเอกชนหรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ สร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งประชาชน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ เพื่อให้สามารถมีบ้านเป็นของตัวเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ภายใน 1 เดือนหลังจากนี้
โดยแนวทางหนึ่งจะให้เอกชนจัดตั้งเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มาร่วมสร้างที่อยู่อาศัยมูลค่าบ้านไม่เกิน 5 แสนบาท ให้ผู้ที่มีเงินเดือนในครอบครัวประมาณ 1 หมื่นกว่าบาท ได้มีโอกาสซื้อหรือผ่อนได้ เพราะภาครัฐสู้กำลังจากเอกชนไม่ได้ หรืออาจจะเป็นในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาพื้นที่ในส่วนของราชพัสดุ กรมธนารักษ์ และที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เข้ามาร่วมจัดหาที่ดินที่อยู่ในชุมชนสามารถเดินทางได้ ไม่ใช่อยู่ในป่าแล้วต้องเสียภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นการตั้งธุรกิจเพื่อสังคม หากเงินลงทุนตั้งต้นไม่เพียงพอ สามารถมาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐได้ เพื่อเป็นทุนและเป็นการส่งเสริมบริษัทใหญ่ให้ช่วยเหลือสังคมมากขึ้น รวมถึงจะมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถมาหักเป็นรายจ่ายได้
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี ได้มีแนวคิดที่จะทำโครงการที่อยู่อาศัยให้บุคคลที่มีรายได้น้อยให้ครอบคลุมประชาชนทั่วไป ที่มีรายได้ประมาณเดือนละ 1 หมื่นบาท เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้มีรายได้น้อยสามารถมีบ้านได้ด้วยตนเองด้วยการผ่านชำระเดือนละประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งภาครัฐได้ศึกษาเพิ่มแรงจูงใจให้นำรายจ่ายดังกล่าวไปหักลดหย่อนภาษีแก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ซื้อบ้านเช่าระยะยาวได้ถึง 99 ปีและจะให้ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ เข้ามารับร้องความต้องการสินเชื่อ
ขณะที่ นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แนวทางการตั้งธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อย ยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรวมตัว ทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น ถ้าภาครัฐของความร่วมมือก็พร้อมที่จะกลับไปดำเนินการ ซึ่งหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ก็ทำให้ธุรกิจบ้านจัดสรรเริ่มจัดทำโปรโมชั่นคึกคักมากขึ้น เพื่อเร่งยอดขายช่วงปลายปี โดยเฉพาะโครงการบ้านในต่างจังหวัดเริ่มคึกคักมากขึ้นและจะทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายตัวตามไปด้วย
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ขณะนี้เริ่มส่งผลดีต่อการขยายตัวภาคอสังหามากขึ้น ยอดรอโอนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะขยายตัวเพิ่มจากเดิมที่คาดไว้ที่ 5% เป็น 13% และภาพรวมทั้งปีขยายตัวได้ 5% มูลค่าการขายในกรุงเทพฯ จาก 3.1 แสนล้านบาท เป็น 3.3 แสนล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะขยายตัวได้ที่ 5-10% อย่างไรก็ดีภาคเอกชนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำโครงการบ้านเพื่อคนจน โดยจะใช้วิธีลงขันเงินจำนวนหนึ่งระยะเริ่มต้น แต่ต้องไปดูความเหมาะสมอีกครั้งขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และจำนวนที่ดินที่จะก่อสร้างด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
