x close

ปตท.สผ. ชนะประมูลก๊าซแหล่งเอราวัณ-บงกช อาจทำให้เมืองไทย ค่าไฟลดกว่า 10 ปี

          ครม.เคาะ ปตท.สผ. และพันธมิตร ชนะประมูลแหล่งปิโตรเลียม “เอราวัณ-บงกช” หลังกางแผนขายก๊าซ 116 บาท/ล้านบีทียู ช่วยรัฐประหยัด 5.5 แสนล้านบาท แบ่งกำไรเข้ารัฐ 68% นาน 10 ปี รายได้กว่า 1 แสนล้านบาท รมว.พลังงาน ชี้คนไทยมีโอกาสใช้ไฟราคาถูกลง 17 สตางค์/หน่วย นาน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

ปตท.สผ.ชนะประมูลก๊าซแหล่งเอราวัณ-บงกช
ภาพจาก brighttv


          เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.หนองคาย ว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ.เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเครือบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบริษัท เอ็มอีจี 2 (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือมูบาดาลา เป็นผู้ได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย แปลงสำรวจหมายเลข G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และแปลงสำรวจหมายเลข G2/61 (แหล่งบงกช) ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต

          นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่งครั้งนี้ กลุ่มปตท.สผ. เสนอราคาและผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐสูงกว่าคู่แข่ง โดยข้อเสนอประมูลแหล่งเอราวัณนั้น กลุ่มปตท.สผ. เสนอราคาขายก๊าซธรรมชาติให้รัฐที่ราคา 116 บาท/ล้านบีทียู ทั้งยังเสนอส่วนแบ่งกำไรให้รัฐอีก 68% ของผลกำไรทั้งหมด ส่วนข้อเสนอประมูลแหล่งบงกช กลุ่มปตท.สผ. เสนอราคาขายก๊าซธรรมชาติให้รัฐที่ราคา 116 บาท/ล้านบีทียู และเสนอส่วนแบ่งกำไรให้รัฐ 68% ของกำไรทั้งหมดเช่นกัน

          โดยในปัจจุบันบริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เป็นผู้ได้สัมปทานแหล่งเอราวัณไปจนถึงปี 2565 ได้มีการขายก๊าซจากแหล่งดังกล่าวให้รัฐในราคา 165 บาท/ล้านบีทียู ส่วน ปตท.สผ. ที่ได้รับสัมปทานแหล่งบงกชไปจนถึงปี 2566 ได้ขายก๊าซจากแหล่งดังกล่าวให้รัฐที่ราคา 214 บาท/ล้านบีทียู

          ดังนั้น การที่ปตท.สผ. ที่ชนะการประมูลครั้งนี้ เสนอขายก๊าซทั้ง 2 แหล่งที่ราคา 116 บาท/ล้านบีทียู นับเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบัน จะส่งผลให้ภาครัฐประหยัดเงินได้ 5.5 หมื่นล้านบาท/เดือน หรือ 5.5 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยรัฐจะสามารถซื้อก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.สผ. ในราคาที่ถูกลงตั้งแต่ปี 2565-2566 เป็นต้นไปจนหมดอายุสัญญา 10 ปี

          ซึ่งเงินที่ประหยัดได้นี้จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ 0.29 บาท/หน่วยในช่วง 10 ปี แต่เนื่องจากก๊าซที่ผลิตได้ต้องแบ่งไปใช้อย่างอื่น เช่น ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ใช้เป็นเชื้อเพลิง NGV เมื่อเฉลี่ยออกไปหมดแล้ว จะทำให้ส่วนลดเฉพาะค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 0.17 บาท/หน่วย จากปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าขายปลีกอยู่ที่ 3.6 บาท/หน่วย และทำให้ราคาเชื้อเพลิง NGV ถูกลง 0.50 บาท/กิโลกรัม

          นอกจากนี้ การที่ปตท.สผ. เสนอส่วนแบ่งผลกำไรให้ภาครัฐที่ 65% ของกำไร จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มจากประมาณการเดิม 1 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี รวมแล้วการประมูลครั้งนี้ภาครัฐ สังคม ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์รวมกัน 6.5 แสนล้านบาท ในช่วง 10 ปีข้างหน้า นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

           นายศิริ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเรียกกลุ่มปตท.สผ. เข้าหารือ และเซ็นสัญญาในเร็ว ๆ นี้จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ปตท.สผ. จะเริ่มเข้าไปเตรียมความพร้อมก่อนจะเริ่มผลิตปิโตรเลียมจากทั้ง 2 แหล่งอย่างต่อเนื่อง หลังสัญญาสัมปทานรายเดิมสิ้นสุดลงในปี 2565 และ 2566

รายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปตท.สผ. ชนะประมูลก๊าซแหล่งเอราวัณ-บงกช อาจทำให้เมืองไทย ค่าไฟลดกว่า 10 ปี อัปเดตล่าสุด 13 ธันวาคม 2561 เวลา 17:10:56 11,607 อ่าน
TOP