บัณฑิตใหม่มาเช็กกันหน่อย รับปริญญามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ควรเตรียมเงินเท่าไหร่ดี พร้อมทริกประหยัดงบง่าย ๆ ช่วยให้รับปริญญาแบบสบายกระเป๋า
วนมาถึงช่วงรับปริญญาทีไร บัณฑิตหลาย ๆ คนคงจะตื่นเต้นน่าดูที่จะได้ฉลองความสำเร็จ หลังจากอดทนตั้งใจเรียนมายาวนาน แต่ก็อย่าดีใจจนลืมไปล่ะว่าวันสำคัญแบบนี้ ย่อมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถ้าไม่วางแผนใช้เงินดี ๆ ก็อาจทำให้บางคนช็อตหมุนเงินไม่ทันก็เป็นได้ วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงลิสต์มาให้ดูว่า ค่าใช้จ่ายรับปริญญามีอะไรบ้าง แล้วจะมีวิธีประหยัดงบตรงนี้ยังไง จะได้เตรียมตัวกันถูก ค่าใช้จ่ายรับปริญญามีอะไรบ้าง
1. ค่าขึ้นทะเบียนบัณฑิต
ต้องเจอเหมือนกันทุกคน ทุกมหาวิทยาลัย ถ้าจะเข้าพิธีรับปริญญา โดยค่าขึ้นทะเบียนบัณฑิตของแต่ละที่อาจจะแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ราว
1,000-3,000 บาท
2. ชุดรับปริญญา
เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร เพราะมีทั้งชุดครุย เข็มวิทยฐานะ ตราต่าง ๆ ยิ่งถ้าเป็นบัณฑิตชายยังต้องมีชุดราชปะแตน หรือชุดสูทอีก ส่วนบัณฑิตหญิงก็อาจต้องซื้อกระโปรงตัวใหม่ให้ยาวคลุมเข่า ทำให้รวม ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการตัดชุดใหม่จะตกที่ประมาณ
1,500-3,000 บาท ซึ่งผู้ชายจะแพงกว่าผู้หญิงหน่อย
3. รองเท้า
อีกสิ่งที่หลายคนอาจจะลืมไปก็คือรองเท้านั่นเอง เพราะการร่วมพิธีรับปริญญานั้น รองเท้าต้องถูกระเบียบ หุ้มส้นสีดำ ซึ่งถ้าบางคนไม่มี ก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่กันอีก และราคารองเท้าปกติแล้วจะเริ่มต้นที่ประมาณคู่ละ 500 บาท ไปจนถึง 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เลือก
4. ค่าถ่ายรูปรวม-รูปพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
รับปริญญาแล้วไม่มีรูปถ่ายเลยก็คงแปลก ๆ น่าดู โดยเฉพาะรูปถ่ายในงานรับปริญญาบัตร และรูปหมู่ที่ถ่ายรวมกับเพื่อน ๆ และอาจารย์ในคณะ จะได้โชว์คนอื่นได้เต็มปากว่าเราเรียนจบจริง ๆ นะ ซึ่งราคารูปพร้อมกรอบจะอยู่ที่ราว 500 บาท แพงไปจนถึง 3,000 บาทเลยก็มี ซึ่งจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับกรอบที่เลือก ใครเลือกกรอบหรู ๆ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นตาม
5. ค่าจ้างช่างภาพ
ภาพจาก pittaya / Shutterstock.com
มีภาพในพิธีแล้ว หลายคนก็อยากจะเก็บภาพประทับใจอื่น ๆ เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นถ่ายนอกรอบตามที่ต่าง ๆ ถ่ายวันซ้อม วันจริง ร่วมกับเพื่อน ๆ ครอบครัวที่มาแสดงความยินดี แน่นอนว่าถ้าอยากได้ภาพสวย ๆ ก็จำเป็นต้องจ้างช่างภาพ ซึ่งค่าจ้างจะแตกต่างกันตามฝีมือและประสบการณ์ แต่เรตปกติแล้วถ้าจ้างครึ่งวันก็จะประมาณ 2,000-3,000 บาท ส่วนเต็มวันจะอยู่ราว ๆ 5,000 บาท
6. ค่าแต่งหน้า-ทำผม
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผู้ชายอาจจะสบายกระเป๋าหน่อย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงนี่สิขาดไม่ได้เลยล่ะ เพราะถ้าอยากมีหน้า-ผมสวยเป๊ะในวันสำคัญก็ต้องจ้างช่างแต่งหน้า-ทำผม ซึ่งค่าจ้างช่างแต่งหน้าก็จะคล้าย ๆ ช่างภาพ คือขึ้นอยู่กับฝีมือและความนิยมของช่างคนนั้น ๆ ไล่ไปตั้งแต่หลักร้อยกันถึงหลักพันก็มี
7. ฉลองเรียนจบ-เลี้ยงน้องสายรหัส
นาน ๆ ทีได้กลับมาเจอเพื่อน เจอรุ่นน้องในงานรับปริญญา ก็ต้องฉลองกันสักหน่อย นี่ยังไม่รวมค่าเลี้ยงน้องสายรหัสอีกนะ ที่น่าจะทำให้หมดเงินไม่น้อยอยู่ เพราะฉะนั้น ใครที่มีเพื่อน มีน้องเยอะ ก็เตรียมงบส่วนนี้ไว้หน่อยก็ดี
8. ใส่ซองให้รุ่นน้องที่มาบูม
ภาพจาก Sarana Nakarat / Shutterstock.com
ในงานวันรับปริญญาของบางมหาวิทยาลัย จะมีรุ่นน้องมาล้อมวงเหล่าบัณฑิตเพื่อบูมแสดงความยินดีให้ด้วย ซึ่งหลังจากบูมเสร็จ พี่ ๆ ก็ต้องควักกระเป๋าใส่ซองให้น้อง ๆ เพื่อเป็นเงินเข้าคณะ เอาไว้จัดกิจกรรมต่าง ๆ แนะนำว่าสำรองเงินส่วนนี้ไว้สัก 1,000 บาท ก็ได้
9. ค่าเดินทาง-ที่พัก
สำหรับใครที่มาเรียนไกลบ้าน การมารับปริญญาก็จะมาพร้อมกับค่าเดินทาง ค่าที่พักด้วย โดยค่าเดินทางนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าระยะทางใกล้ไกลขนาดไหน ส่วนค่าที่พัก
น่าจะต้องเตรียมไว้สัก 2-3 คืนเลยทีเดียว เพราะต้องมีวันซ้อมจริง ซ้อมย่อยด้วย ก่อนจะถึงวันรับจริง
เห็นค่าใช้จ่ายแบบนี้แล้ว หลายคนคงได้แต่ปาดเหงื่อเบา ๆ ยิ่งบางคนเพิ่งเรียบจบมายังไม่ได้ทำงาน ก็ต้องคิดแล้วล่ะว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ยังไงได้บ้าง ใครนึกไม่ออก เรามีทริกประหยัดค่าใช้จ่ายรับปริญญามาฝาก
1. ชุดครุย ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้
บางทีก็ไม่จำเป็นต้องสั่งตัดชุดครุยใหม่ก็ได้ เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้วยการเช่าแทน ซึ่งช่วยให้เราประหยัดไปมากกว่าครึ่งเลย หรือถ้าใครอยากมีชุดเก็บไว้ ก็อาจจะลองหาหลาย ๆ ร้านเปรียบเทียบกันดู เพราะแต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน อ้อ..อีกอย่างถ้าใครมีรุ่นพี่คณะเดียวกันที่เคยรับปริญญาไปแล้ว ลองยืมมาใส่ก็ได้ หรืออย่างรองเท้ายังสามารถยืมจากเพื่อนต่างคณะที่รับปริญญาคนละวันได้ จะช่วยประหยัดไปอีก
2. เลือกกรอบรูปในราคาที่เหมาะสม
อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดได้เยอะเลยก็คือค่ากรอบรูป เพราะถ้าเราเลือกแบบหรู ๆ นี่ราคาหลายพันเลยนะ แต่ถ้าอยากประหยัดหน่อย ก็สามารถเลือกที่ราคาไม่แพงมากได้ เช่น ที่เป็นกรอบวิทยาศาสตร์ หรืออาจจะไม่ต้องสั่งกรอบ เอาแค่ภาพอย่างเดียวพอ แล้วค่อยมาหากรอบจากร้านข้างนอกใส่ทีหลังแทน เพราะส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่า
3. แต่งหน้า-ทำผมเอง
ถ้ามีคนรู้จักที่แต่งหน้าเป็น อาจจะวานมาช่วยแต่งให้ หรือจะซื้อเครื่องสำอางมาแต่งเองก็ได้เหมือนกันนะ ถ้ามั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่ถ้ากลัวจะไม่สวย การจ้างช่างแต่งหน้าแค่วันเดียว ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย เอาแค่วันรับจริงอย่างเดียวก็ได้ ช่วยให้ประหยัดได้เยอะเลยล่ะ
4. ให้เพื่อน-ญาติถ่ายรูปให้
หลายคนหมดเงินจำนวนมากไปกับการจ้างช่างภาพราคาแพง ๆ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้ซีเรียสกับรูปถ่ายขนาดนั้น การให้เพื่อน ๆ ญาติ ๆ ถ่ายให้ ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดงบได้ดีเลยล่ะ เพราะเดี๋ยวนี้แค่ใช้กล้องมือถือก็ถ่ายได้สวยมาก ๆ แล้ว หรืออีกวิธีคือลองหาช่างภาพมือใหม่ หรือรุ่นน้องที่ถ่ายภาพสวย ๆ ราคาเป็นกันเอง
5. ใส่ซองรุ่นน้องตามกำลังทรัพย์
ไม่จำเป็นว่าเราต้องใส่ซองให้กับน้อง ๆ ที่มาบูมทุกคน อาจจะเลือกให้รวม ๆ ไปเลยครั้งเดียวก็ได้ ที่สำคัญคือควรตั้งงบไว้เลยว่าจะใส่ซองให้น้อง ๆ เป็นจำนวนเท่าไหร่ เอาตามกำลังทรัพย์และไม่ทำให้เราเดือดร้อนก็พอ หรือไม่ถ้ามีเพื่อน ๆ โดนบูมพร้อมกันหลาย ๆ คน ก็ให้รวม ๆ กับเพื่อนไปเลย
6. แชร์ห้องพัก-ค่าเดินทาง
ค่าห้อง ค่าเดินทาง ถ้าเราสามารถแชร์กับเพื่อน ๆ ได้ก็จะดีกว่า ยิ่งแชร์หลายคนยิ่งประหยัดได้เยอะ อีกอย่างคือแนะนำให้จองล่วงหน้า ทั้งโรงแรมหรือตั๋วเครื่องบิน เพราะถ้ามาจองแบบกระชั้นชิด รับรองว่าโดนโขกราคา ค่าใช้จ่ายพุ่งแน่ ๆ ยิ่งใครต้องจองรถและที่พักให้พ่อแม่ พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย ก็ยิ่งต้องวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ และอย่าลืมคิดถึงค่าเดินทางไป-กลับด้วยนะ
7. เลี้ยงสังสรรค์แค่พอประมาณ
การเลี้ยงสังสรรค์เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้าอยู่ขอบเขตที่พอดีพองาม ไม่มากจนเกินไป
และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดีที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้งบประมาณบานปลายแล้ว ยังเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้อีก เพราะฉะนั้น ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดีกว่า
การรับปริญญาเรียกว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เสมือนใบเบิกทางสู่ชีวิตการทำงาน และความสำเร็จในอนาคตที่รอเราอยู่ บางคนอาจจะมองว่าการรับปริญญาเป็นการสิ้นเปลือง เพราะมีค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมาย แต่ทว่าหากเราวางแผนการใช้เงิน บริหารจัดการดี ๆ งบประมาณก็ไม่บานปลาย ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยว่าจะเลือกทางไหน
