กระทรวงยุติธรรม ชี้ กรณีครูเบี้ยวจ่ายหนี้ ช.พ.ค. เตรียมถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย พร้อมพ้นสภาพข้าราชการ ถูกให้ออกจากงาน หากมีหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุดร แสงอรุณ
จากกรณีที่มีกลุ่มวิชาชีพครูกว่า 100 คน รวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสิน พักหนี้โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ช.พ.ค. พร้อมชักชวนลูกหนี้ ช.พ.ค. ทั่วประเทศ ยุติการชำระหนี้ (อ่านข่าว แชร์ว่อน ! คลิปกลุ่มครูนับร้อย รวมตัวประกาศหยุดใช้หนี้ ช.พ.ค.)
ล่าสุด (17 กรกฎาคม 2561) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ระบุถึงกรณีดังกล่าวกับ เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ว่า การที่กลุ่มวิชาชีพครูเรียกร้องให้มีการพักหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป และชักชวนลูกหนี้ ช.พ.ค. กว่า 450,000 คน ร่วมกันยุติการจ่ายหนี้นั้น เป็นเหมือนการรับสภาพเป็นบุคคลล้มละลาย หากมีหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท และจะทำให้บุคคลที่มาค้ำประกันเป็นบุคคลล้มละลายไปด้วย เพราะเป็นหนี้ที่เกิดโดยนิติกรรมสัญญา เมื่อมีการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้น ก็ย่อมเกิดความเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ขึ้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุดร แสงอรุณ
นอกจากนี้ ผลที่ตามมาหากถูกฟ้องล้มละลาย คือ จะขาดคุณสมบัติในการเป็นข้าราชการ และถูกสั่งให้ออกจากราชการ ทำให้ไม่สามารถทำนิติกรรมสัญญาใด ๆ ทั้งสิ้นได้ รวมถึงธุรกรรมการเงิน ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางจริง ๆ ก็ต้องขออนุญาตจากพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีก่อน ซึ่งจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย ส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุก 6 เดือน พร้อมทั้งส่งรายได้ตามที่เจ้าพนักงานจะอายัดเข้ากองทรัพย์สินด้วย
สำหรับการถูกสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายจะมีระยะเวลา 3 ปี เมื่อครบกำหนดก็จะถูกปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย สามารถกลับมาทำงานและทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ ก็อาจจะมีการขยายเวลาเป็น 5 หรือ 10 ปี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก