กระแส "บุพเพสันนิวาส" ฟีเว่อร์ ดันเม็ดเงินสะพัดไปทั่ววงการ มาดูกันว่าละครเรื่องนี้ สร้างปรากฏการณ์ ความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างต่อสังคม
ถ้าจะพูดถึงกระแสที่ปัง ! สุด ๆ ในตอนนี้คงหนีไม่พ้นละครเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" ของแม่หญิงการะเกดและคุณพี่หมื่น ที่เป็นเรื่องราวย้อนยุคไปในสมัยอยุธยา ผสมระหว่างเรื่องราวประวัติศาสตร์และความโรแมนติกคอมเมดี้ไว้อย่างลงตัว จนถูกอกถูกใจคนดูทั่วบ้านทั่วเมือง คว้าเรตติ้งอันดับ 1 ของละครไทยในยุคดิจิทัลไปแบบสวย ๆ พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์มากมายในสังคมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งยังปลุกความซบเซาทางเศรษฐกิจในหลาย ๆ ด้านให้กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งจะมีอะไรบ้าง "ออเจ้า" ตามมาดูกันได้เลย
หลังจากละครออนแอร์ได้ไม่นาน ก็เกิดกระแสที่คนจำนวนมากหันมาแต่งกายย้อนยุคสมัยอยุธยา ตามรอยตัวละครบุพเพสันนิวาส ที่แต่ละคนจัดหนัก จัดเต็มกันแบบไม่เขินอายกันเลย แม้แต่รัฐบาลเองยังต้องออกมาอนุญาตให้ข้าราชการแต่งชุดไทยมาทำงานได้เลยล่ะ รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่พลาดเกาะกระแสนี้เช่นกัน ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เชิญชวนประชาชนแต่งชุดไทย เที่ยวเมืองรอง, การบินไทย ที่จัดให้พนักงานต้อนรับแต่งกายย้อนยุคในช่วงสงกรานต์ หรือร้านค้าต่าง ๆ ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าหันมาแต่งชุดไทยเรียกลูกค้า เช่นเดียวกับร้านอาหารชื่อดังมากมายที่ออกโปรโมชั่น หากแต่งชุดไทยมาทานอาหาร แล้วจะได้รับส่วนลดพิเศษ
แน่นอนว่าจากกระแสดังกล่าว ทำให้ธุรกิจขาย-เช่าชุดไทย กลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก โดยพบว่าหลายร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 3-4 เท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งก็มีเสียงกระซิบจากพ่อค้า-แม่ค้าว่า นี่ขนาดยังไม่ถึงช่วงเทศสงกรานต์นะยังมียอดขายเติบโตขนาดนี้ หากเริ่มเข้าสู่สงกรานต์เมื่อไหร่ เชื่อเลยว่าคงนับเงินกันไม่ทันแน่นอน
นอกจากจะทำให้คนหันกลับมาใส่ชุดไทยไดแล้ว "บุพเพสันนิวาส" ยังดึงคนจำนวนมากมาท่องเที่ยวตามรอยโลเคชั่นในละครกันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ จากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย เพื่อมาชมวัดและโบราณสถานที่ปรากฏในละครดัง เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพุทไธศวรรย์ พระราชวังโบราณ และป้อมเพชร ซึ่งถ้านับแค่เดือนมีนาคมเดือนเดียว ก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมาถึง 300,000 คนแล้ว
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ว่า ภายในปี 2561 จะมีเงินสะพัดจากเมืองท่องเที่ยวที่ปรากฏอยู่ในละครบุพเพสันนิวาส รวมกันราว 20,000-30,000 ล้านบาท
เมื่อละครดังมีที่ไหนเล่าที่นิยายต้นฉบับจะไม่ดังด้วย เพราะพิมพ์ออกมาเท่าไหร่ก็ขาดตลาดไม่พอขายสักที สำหรับนิยาย "บุพเพสันนิวาส" ที่เขียนโดย "รอมแพง" ข่าวล่าสุดบอกมาว่าพิมพ์เกิน 40 ครั้งไปแล้ว จนน่าจะเป็นหนังสืออีกเล่มที่ขายดีสุด ๆ ของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 46 ได้ไม่ยาก
- จินดามณี ตำราเรียนของไทยในสมัยอยุธยา ต้นแบบอักษรภาษาในปัจจุบัน
เป็นที่รู้กันดีว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจทีวีมีการแข่งกันอย่างดุเดือด และหลายบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง โดยเฉพาะช่อง 3 ที่เจอกับช่วงขาลงแบบสุดขีด ทั้งผลประกอบการที่ไม่สู้ดี และราคาหุ้น BEC ที่ดิ่งลงเรื่อย ๆ แต่เพียงเวลาไม่กี่เดือนที่ละครบุพเพสันนิวาสออนแอร์ ก็ดูเหมือนว่าอะไรหลาย ๆ อย่างจะเริ่มดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ
ด้วยกระแสของละครที่ดังแบบเกินคาด ผลักดันให้เรตติ้งช่วงไพรม์ไทม์ของช่องค่อย ๆ ทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อย ๆ จนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 สร้างประวัติศาสตร์ด้วยเรตติ้ง 17.43 ทำสถิติสูงสุดของละครในยุคทีวีดิจิทัลได้สำเร็จ จนทำให้โฆษณาล้นทุกช่วงเวลา ซึ่งจากข้อมูลระบุว่า ค่าโฆษณาช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง 3 คิดที่ 480,000 บาท/นาที ตอนหนึ่งฉายโฆษณาประมาณ 32 นาที เพราะฉะนั้นเมื่อบวกรายได้อื่น ๆ เข้าไปอีก เช่น โฆษณาทางเว็บไซต์ แอป Mello งานอีเว้นท์ สติ๊กเกอร์ไลน์ และสินค้าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ จะทำให้บริษัทโกยรายได้ไปถึง 500 ล้านบาทเลยทีเดียว ส่วนราคาหุ้น BEC ก็ค่อย ๆ ฟื้นจากจุดต่ำสุดได้สำเร็จ
ทั้งนี้ นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารสายกิจการองค์กร BEC ก็ออกมายอมรับว่า กระแสตอบรับของ "บุพเพสันนิวาส" จะเป็นปัจจัยบวกให้ผลประกอบการปี 2561 ของบริษัทกลับมามีกำไรเติบโตได้อีกครั้ง หลังจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 61 ล้านบาท ลดลง 85% จากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท
อีกหนึ่งบทพิสูจน์ความร้อนแรงของบุพเพสันนิวาสได้เป็นอย่างดี ก็คือการที่แบรนด์ต่าง ๆ เลือกนักแสดงในเรื่องไปออกงานอีเว้นท์เรียกลูกค้าไม่เว้นแต่ละวัน จนสร้างปรากฏการณ์ "ห้างแตก" โดยเฉพาะพระ-นางของเรื่องอย่างคุณพี่หมื่นและแม่หญิงการะเกด ไม่ว่าจะออกงานไหน ก็มีแฟนคลับตามไปทุกที่ ทำให้มีหลายแบรนด์ต้องทุ่มเงินก้อนโต 7-8 หลัก แย่งดาราไปออกงาน เป็นพรีเซ็นเตอร์กันให้ควั่ก
ไล่มาตั้งแต่ AIS ที่ดึง เบลล่า ราณี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อนใครเพื่อน แถมมีการสร้างคอนเทนต์ล้อไปกับละครที่กำลังออนแอร์อยู่อีกด้วย ตามมาด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ใช้คาแรคเตอร์ของแม่หญิงการะเกดมาผูกกับ "แม่มณี" โปรโมทแอปพลิเคชัน SCB EASY อย่างลงตัว
ส่วน "โป๊ป ธนวรรธน์" หรือพี่หมื่นของเราก็ไม่ฮอตไม่แพ้กัน คว้าพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของกลุ่ม TRUE ไปครอง ตอกย้ำความเป็นพระเอกขวัญใจมหาชนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี นี่น่าจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเชื่อว่าคงมีอีกหลายแบรนด์ที่ดึงตัวนักแสดงบุพเพสันนิวาส ไปเพิ่มสีสันให้ตัวสินค้ากันแน่นอน
ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้นที่บุพเพสันนิวาสฟีเว่อร์ แต่ตอนนี้ได้ดังไกลไปถึงต่างแดนแล้ว โดยเฉพาะจีนที่กระแสแรงมาก ถึงขนาดมีคนนำไปแปลซับ จนฮอตฮิตในโลกออนไลน์จีน ซึ่งล่าสุดก็มีข่าวดีว่า ทางบริษัทจีนได้ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ละครบุพเพสันนิวาส ไปออกอากาศผ่านระบบสตรีมมิ่งแล้ว
เรียกได้ว่าเป็นช่องทางโกยเงินใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเลยทีเดียว เพราะถ้าสามารถตีตลาดจีนได้สำเร็จ เม็ดเงินที่จะเข้ามาคงไม่ใช่น้อย ๆ แน่ ๆ ด้วยตลาดบันเทิงจีนที่ใหญ่มหาศาล แถมยังต่อยอดไปสู่งานโชว์ตัวของนักแสดง และจุดกระแสท่องเที่ยวไทยของชาวจีนให้คึกคักไปอีกด้วย
ละครจะดังได้เพลงประกอบก็เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่าเพลงประกอบละครบุพเพสันนิวาส ทำออกมาได้ไพเราะ เข้ากับละครอย่างลงตัว จนคนฟังอินไปตาม ๆ กัน ซึ่งแต่ละเพลงที่ปล่อยออกมา ก็มียอดฟังใน Youtube ทะลุล้านวิวกันทั้งหมด โดยเฉพาะเพลงหลักอย่างบุพเพสันนิวาส ที่ปัจจุบันทะลุ 25 ล้านวิวเข้าไปแล้ว นอกจากนี้ กระแสเพลงยังดังไกลไปถึงบ้านเพื่อนอย่างกัมพูชา ดันให้เพลง ออเจ้าเอย ฮิตติดชาร์ตอันดับ 1 iTunes กัมพูชา ได้อย่างเหลือเชื่อ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าละครหลังข่าวเรื่องเดียวอย่าง "บุพเพสันนิวาส" จะสร้างปรากฏการณ์แก่สังคมได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการทำธุรกิจเลยว่า หากเราสามารถจับทางถูก เข้าถึงหัวใจลูกค้า โอกาสที่จะได้ทั้งกระแสและโกยเงินไปพร้อม ๆ กัน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ภาพจาก ThaiPbs, เฟซบุ๊ก รอมแพง, เฟซบุ๊ก อ้ายจง, Instagram ch3thailand, ธนาคารไทยพาณิชย์
