ภาพจาก FRED DUFOUR / AFP
ตลาดหุ้นจีนปิดการซื้อขายอีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ หลังดัชนีตกฮวบ 7-8% ทำหุ้นเอเชียร่วงระนาว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยของจีน ขณะที่ไทยร่วงหนักตาม เปิดตลาดติดลบกว่า 20 จุด
เว็บไซต์ cnbc รายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (7 มกราคม 2559) ตลาดหุ้นจีนได้ปิดการซื้อขายทุกชนิด หลังดัชนีหุ้น CSI300 ร่วงฮวบลง 7.21% และเป็นการปิดตลาดหุ้นชั่วคราวครั้งที่ 2 แล้วของสัปดาห์นี้ (อ่านข่าว จีนลดค่าเงินหยวนอ่อนค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ทำหุ้นจีนดิ่งเหว สั่งระงับซื้อขาย) ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตลดลง 7.32% ส่วนดัชนีเซินเจิ้นร่วง 8.22% ต้องสั่งปิดการซื้อขายด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้หลังการปิดตลาดของจีน และยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัว การอ่อนตัวของค่าเงินหยวน รวมถึงค่าน้ำมันที่ดิ่งลงด้วย ส่งผลให้หุ้นทั่วเอเชียร่วงระนาวลงตาม รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เปิดตลาดเช้านี้ ดัชนี SET Index ติดลบกว่า 20 จุด ลดลงจากเมื่อวานเกือบ 2%
สำหรับ CSI300 เป็นดัชนีหลักใช้พิจารณาการปิดตลาดหุ้นชั่วคราว หากเพิ่มขึ้นหรือลดลง 5% ตลาดหุ้นจะปิดการซื้อขาย 15 นาที แต่หากขึ้น-ลงถึง 7% การซื้อขายจะถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลา 1 วัน ซึ่งในเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นจีนเพิ่งเปิดทำการเพียง 15 นาทีเท่านั้น ก่อนตัดสินใจปิดการซื้อขาย
ทั้งนี้ก่อนเปิดตลาด ธนาคารแห่งประเทศจีน หรือ แบงก์ออฟไชน่า ได้ตั้งค่ากลางเงินหยวนไว้ที่ 6.5646 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนกว่าค่ากลางที่ตั้งไว้ในวันที่ 6 มกราคม 0.5% นับเป็นการอ่อนตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2558 โดยคาดหวังว่าค่าเงินหยวนที่อ่อนลงตัวนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุนนอกประเทศของจีนได้
นอกจากนี้แล้ว ด้านค่าดัชนีไฉซินด้านภาคบริการของจีน (KPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสัญญาณการเติบโตของเศรษฐกิจ เมื่อวานนี้ (6 มกราคม) ก็แสดงสัญญาณอ่อนตัวลงอีก หลังจากที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 51.2 จุด และเดือนธันวาคมอยู่ที่ 50.2 จุด
ทั้งนี้ จีนกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศจากเศรษฐกิจพึ่งพาอุตสาหกรรมโรงงานเป็นหลัก มาเป็นการพึ่งพาอุตสาหกรรมธุรกิจการบริการมากขึ้น ค่า KPI จึงเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จดังกล่าว โดยหากตัวเลขดัชนีไฉซินด้านภาคบริการสูงเกินระดับ 50 จุด คือสัญญาณแสดงให้เห็นการเติบโตขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงต่อไป ทว่าที่ผ่านมากลับมีแนวโน้มลงลดเรื่อย ๆ แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังอ่อนแอ
