เห็นสินค้าหลายชิ้นแจกส่วนลดเพียบ แน่ใจแล้วเหรอว่าคุณจะไม่ช้อปแบบไร้สติ ยั้งความอยากช้อปสักนิดด้วยคำถามเหล่านี้ก่อนเผลอช้อปจนหมดตัว
สำหรับคุณสาว ๆ ขาช้อป
คงไม่มีอะไรที่ทำให้มีความสุขไปมากกว่าการได้เสียเงินไปกับของที่อยากได้มาครอบครอง
จนลืมนึกถึงไปว่าบางทีรายจ่ายที่จ่ายออกไปจะทำให้พบกับปัญหามากขนาดไหน
กว่าจะรู้สึกตัวก็มีหนี้สินท่วมหัว
แถมของที่ซื้อมาบางอย่างก็แทบจะไม่ได้ใช้
อย่าให้ปัญหาเหล่านี้คุกคามทั้งชีวิตและการเงินของคุณสาว ๆ ด้วย
คำถามเรียกสติตัวเองที่เว็บไซต์ The Beauty Bean หยิบมาฝาก เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าการจับจ่ายครั้งนี้มีเหตุผลและไม่ทำให้คุณต้องจ่ายเงินแบบไร้สติ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
คำถามที่ 1 : คุณจำเป็นจะต้องซื้อของพวกนั้นเพราะกำลังลดราคาจริง ๆ เหรอ ?
ยอมรับกันมาเสียดี ๆ เถอะว่า เจ้าป้ายสีสด ๆ ที่เขียนว่า Sale หรือช้อปออนไลน์แล้วได้ส่วนลดนั้น ทำให้คุณยอมจะควักเงินออกไปโดยไม่ยั้งคิดเลย ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว ของเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ถูกใจคุณที่สุด หรือไม่ก็ซื้อไปแล้วคุณก็อาจจะไม่ใช้เสียด้วยซ้ำ อย่าให้ป้าย Sale ทำร้ายกระเป๋าเงินของคุณเด็ดขาด ลองถามตัวเองดี ๆ ว่าทำไมคุณต้องซื้อเพียงเพราะเห็นป้ายลดราคา หรือมีคูปองส่วนลด ถามตัวเองให้หนักแน่นคะ ใช้เวลาสักนิดก่อนที่จะโผเข้าไปตะลุยในหมู่สินค้าลดราคา รับรองว่าคำถามนี้จะช่วยยั้งความคิดคุณไว้ได้เยอะเลย
คำถามที่ 2 : คุณชอบของสิ่งนั้นและจำเป็นกับคุณจริง ๆ ใช่ไหม ?
หลายครั้งที่เราควักเงินออกไปเพียงเพราะแค่รู้สึกว่าชอบโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบจริง ๆ ไหม แถมบางทีพอได้มาแล้วก็กลับเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเสียอีก ถ้าไม่อยากเสียเงินแบบไร้สติละก็ ถามตัวเองสักนิดก่อนจะควักเงินจ่ายของสิ่งนั้น ว่าคุณชอบจริง ๆ ใช่หรือเปล่า และถ้าซื้อไปแล้วจะได้ใช้หรือไม่ มีความจำเป็นมากแค่ไหน ถ้าหากยังไม่ชอบมากที่สุด ก็วางเก็บไว้ที่เดิมแล้วเดินหาแบบที่คุณถูกใจมากที่สุด และคิดว่าจะได้ใช้ประจำจะดีกว่านะ
คำถามที่ 3 : คุณรอได้ไหม ?
บางคนเวลาที่เจอของถูกใจแล้วก็มักจะรีบซื้อในทันทีแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเลย หากคุณอยากจะได้ของชิ้นนั้นจริง ๆ ให้อดใจไว้ค่ะ คิดทบทวนให้ดี ว่านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ หรือไม่ แล้วของสิ่งนี้ทำให้คุณนึกถึงได้ตลอดเวลาไหม ถ้าหากคุณกลับมาบ้านแล้ว คุณลืมเกี่ยวกับของชิ้นนั้นไปเลยละก็ แปลว่าคุณไม่ได้ต้องการจริง ๆ หรอกคุณก็แค่อยากได้เท่านั้น แต่ถ้าหากคุณยังคิดถึงอยู่ตลอด นั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลมากพอให้คุณไปซื้อของชิ้นนั้นในวันรุ่งขึ้นได้แล้วล่ะ
คำถามที่ 4 : คุณจ่ายไหวแน่ใช่หรือเปล่า ?
นี่เป็นคำถามสำคัญที่สุด แต่กลับเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป การถามตัวเองว่าคุณจ่ายไหวหรือเปล่า นั่นเป็นการเรียกสติให้คุณคิดว่าจริง ๆ แล้วคุณสามารถจ่ายเงินค่าสินค้าจริง ๆ หรือไม่ ไม่ใช่แค่ว่ารูดบัตรเครดิตก็จบ เพราะนั่นเป็นการนำเงินอนาคตมาใช้ คุณต้องทบทวนให้ดีว่าหากคุณรูดบัตรมาแล้ว คุณจะสามารถชำระหนี้ได้หมดโดยที่ไม่ต้องหนักใจกับดอกเบี้ยที่สูงเป็นเงาตามตัวได้หรือไม่ หากการซื้อของชิ้นนี้จะทำให้คุณต้องแบกรับหนี้สินมากมายจนคุณไม่ไหวละก็ คุณควรจะถอยออกมาก่อนดีกว่า อดทนรอและเก็บเงินอีกหน่อย ค่อยซื้อด้วยเงินสดจะดีกว่า แต่ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าคุณสามารถจ่ายได้ ก็ลุยเลย !
เห็นไหมว่า 4 คำถามเหล่านี้มีประโยชน์จริง ๆ นะ
แม้ว่าอาจจะหยุดให้คุณไม่ซื้อของสิ่งนั้นไม่ได้
แต่ก็สามารถทำให้คุณได้คิดทบทวนก่อนซื้ออีกครั้ง
และรับรู้ว่าหากนั่นเป็นความผิดพลาด คุณก็ไม่สามารถโทษตัวเองได้
เพราะคุณได้ทบทวนไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ถ้าคำถามเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยลงได้
ก็ถือว่าเจ๋งไปเลยนะ
