เพลิดเพลินเจริญตา ท่องเที่ยวแบบช้า ๆ สู่หลวงพระบาง ด้วยงบ 4,500 บาท

          เที่ยวหลวงพระบาง รีวิวแบบชิล ๆ กับการเดินทางด้วยรถโดยสารด้วยงบประมาณเพียง 4,500 บาท สุขใจสบายกระเป๋า จนอยากจะกลับไปอีกครั้ง

          ถ้านึกถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้หลายคนคงอยากไปเยือนประเทศญี่ปุ่น หรือไม่ก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปฝั่งยุโรปกันเลย แต่สำหรับบางคน การได้ท่องเที่ยวในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเราก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่สร้างความประทับจนลืมไม่ลงได้ไม่แพ้กัน ไม่จำเป็นต้องไปไกลก็สามารถใช้เวลาวันหยุดได้อย่างแฮปปี้สุด ๆ

          อย่างเช่นคุณ สมาชิกหมายเลข 2280703 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มารีวิวทริปท่องเที่ยวสุดประทับใจที่ใช้เงินเพียง 4,500 บาท สะพายเป้ออกเดินทางไปหลวงพระบาง แถมยังเป็นการเดินทางแบบชิล ๆ ด้วยรถโดยสารอีกด้วย ไปดูกันซิว่าผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเธอมีวิธีการท่องเที่ยวแบบไหนที่ประหยัดเงินในกระเป๋าและทำให้ประทับใจแบบไม่รู้ลืม



          [HEPI. .เปิดตา] หลวงพระบางการเดินทางช้า ๆ ด้วยรถโดยสาร ในงบประมาณ 4,500 บาท { L A U N G P R A B A N G - LAOS - } โดย คุณสมาชิกหมายเลข 2280703 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

- - - สะบายดีเจ้า - - -

          จากการเรียนที่หนักหน่วงมาทั้งเทอม ถึงเวลาของการพักผ่อนและสะสมประสบการณ์ชีวิต เย้ ~ ~ ~ เราจึงถือโอกาสนี้ไปโลดแล่น ท่องเที่ยวให้สบายอารมณ์ที่หลวงพระบาง ในวันที่ 25 - 28 พ.ค. 2558

          การเดินทางครั้งนี้เราอยากเดินทางสบาย ๆ เรื่อยเปื่อย จึงเลือกเดินทางคนเดียวด้วยรถโดยสาร

          เริ่มต้นจากหมอชิต 2 ไปจังหวัดเลย ด้วยรถ VIP ของ บขส. เวลา 22.00 น. ของวันที่ 25 พ.ค. 2558 ราคา - - 666 บาท - - เป็นการใช้บริการ บขส. ครั้งแรก และเป็นครั้งแรกของการเดินทางไปนอกประเทศด้วยรถโดยสารคนเดียว

          ~ ~ โอ้ ตื่นเต้น ! !


          ด้วยความเหนื่อยล้ามาก ทำให้หลับยาว ตื่นอีกทีก็เช้า เรามาถึงขนส่งจังหวัดเลยในเวลาประมาณ 06.00 น. รถมาจอดที่ท่ารถของ บขส. ถือว่าสะดวกมาก ๆ โดยที่เราจะนั่งรถร่วมของ บขส. ไปหลวงพระบาง

          รถจากขนส่งจังหวัดเลย - หลวงพระบาง มีวันละ 1 เที่ยว เวลา 08.00 น. ตั๋วจะเปิดขายในเวลา 07.00 น. ของทุกวัน ราคา - - 700 บาท - - (มีของว่างและอาหารกลางวัน)

          คนขับรถและพนักงานต้อนรับ เป็นกันเอง สบาย ๆ ทำให้เรารู้สึก ปลอดภัย สบายใจสุด ๆ


          ขึ้นรถประจำตามที่ของตัวเองแล้ว จะได้รับบัตรแจ้งเข้าเมือง (Arrival) และบัตรแจ้งออกเมือง (Departure) จากด่านท่าลี่ จ.เลย สู่หลวงพระบาง เป็นระยะทาง 343 กิโลเมตร ความคิดส่วนตัวเราว่าไม่ไกลมากนะ แต่ด้วยการที่แวะรับ แวะพัก และเส้นทางเป็นถนนเลนเดียวแต่สภาพดีมาก ทำให้ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชม.

          ~ ~ ~ โอเคนะ เราต้องการความเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว ชอบ !!

จุดแวะพักที่ 1 เราได้ซื้อซิมเน็ตแบบเติมเงินของ LTC เป็นเงินไทย - - 60 บาท - -

          ** เมื่อถึงขนส่งไชยะบุรี ถึงว่าเดินทางมาครึ่งทางแล้ว ** ส่วนใหญ่คนจะเข้าห้องน้ำที่นี่ เราก็เข้า ##แต่## เสียเงินนะจ๊ะ ไม่ได้แลกเงินลาวไป ถ้าเงินลาวก็ 2,000 กีบ (8 บาท) ถือว่าเป็นราคาปกติ สุดท้ายเราเสียเงินไทยไป - - 10 บาท - - " ฉี่ละ 8 บาท เรานี่ถึงกับกินน้ำน้อย ๆ เลยล่ะ อิอิ "

          ถึงหลวงพระบางในเวลาประมาณ 17.00 น. เราซื้อบัตรเติมเงิน - - 10,000 กีบ - - ด้วยเงินไทย 100 บาท ทอนเงินกีบที่เหลือ 14,000 เราได้เรียนรู้วิทยายุทธในการต่อราคารถสามล้อเครื่องจากพี่สองคนที่มาเที่ยวลาวหลายครั้ง เป็นเงิน 50,000 กีบ 3 คน ถ้าคนเดียวคิด 20,000 กีบ ซึ่งแพงอยู่ดีตามจึงแล้วคนละ 15,000 กีบละราคาควรนั่ง (พี่แกบอกมา) แต่ด้วยความที่ต่างคนต่างรีบร้อน 50,000 กีบ ก็ได้ !

          "เดี๋ยวพี่สองคนออกคนละ 20,000 กีบ น้องยังเรียน 10,000 กีบพอ" ~ ~ ประทับใจมาก !! @@ ขอบคุณคะ หนึ่งหนุ่มภูเก็ตกับอีกหนึ่งหนุ่มลพบุรี @@ เราได้แชร์ค่ารถสามล้อเครื่องกับพี่สองคน - - 10,000 กีบ - -

          โดยที่ให้รถสามล้อเครื่องไปแวะแลกเงินที่จุดแลกเงิน ติดกับไปรษณีย์หลวงพระบาง


          เราแลกเงินไทย 2,000 บาท เป็นเงินลาว 484,000 กีบ (อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 242 กีบต่อ 1 บาท)

          ~ ~ รู้สึกฟู่ฟ่าขึ้นมา ก็มีเงินเป็นแสน รวย !!

          หาที่พักตามพิกัดที่แคปรูปไว้ ที่พักมีชื่อว่า อาตี้ เกสต์เฮ้าส์ ตั้งอยู่ในซอยตรงข้ามวัดวัดวิชุนราชประมาณ 150 เมตร ห้องพัดลม พักสองคืน วันที่ 26 และ 27 พ.ค. 2558 เป็นเงินไทย ในราคา - - 810 บาท - -

          มีน้ำอุ่น ผ้าขนหนู ผ้านวมเสริม สบู่ wifi เคเบิ้ลไทย-ลาว กาแฟ เครื่องดื่นชงต่าง ๆ และน้ำแร่ 600 ml 4 ขวด (น้ำดื่มธรรมดาที่นั่นขวดละ 5,000 กีบแล้วนะ) เราว่า ~ ~ คุ้มมาก !! ลุงกับป้าเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ก็เป็นกันเองสุด ๆ ใจดี เหมือนอยู่บ้าน


          พอเก็บของไว้ในที่พักเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางด้วยสองเท้าไปยังตลาดมืด หรือถนนคนเดินนั่นเองอารมณ์เหมือนอยู่เชียงใหม่ สบายใจ คนไทยเดินกันให้เพียบ แต่ที่ไม่เหมือนก็เสน่ห์เนี่ยแหละ ล้วนแต่มีความงามในแบบของตัวเอง


          แล้วก็ถึงเวลาหาข้าวกิน วันนี้เพลียมามาก รีบหาของกินและไปเลือกซื้อของฝากให้แม่ผู้เป็นที่รัก
          มื้อเย็นนี่ บุฟเฟ่ต์ + โรตีกล้วย รวม - - 20,000 กีบ - -
          และได้ของฝากเป็นเสื้อยึดหลวงพระบาง 2 ตัว ราคา - - 40,000 กีบ - -
          (ที่จริงมีพี่คนไทยบอกมาว่าตัวละ 15,000 กีบก็พอ มาบอกเมื่อสายไป ซื้อไปแล้วจ้ะพี่จ๋า)
          วันนี้เดินทางเหนื่อยมามากแล้วรีบเดินกลับที่พัก อาบน้ำเย็น ๆ แล้วนอนหลับให้สบาย

สรุปค่าใช้จ่ายในวันที่ 25 - 26 พ.ค. 2558

          ค่าแท็กซี่งามวงศ์วาน - หมอชิต 2 ราคา 60 บาท
          ค่ารถ กทม. - เลย 666 บาท
          ค่ารถเลย-หลวงพระบาง 700 บาท
           ค่าซิมเน็ต 60 บาท
          ค่าห้องน้ำ 10 บาท
          บัตรเติมเงิน 10,000 กีบ
          ค่ารถสามล้อเครื่อง 10,000 กีบ
          ค่าเสื้อยืด 40,000 กีบ
          ค่าข้าว 10,000 กีบ
          ค่าโรตี 10,000 กีบ11. ค่าที่พัก 810 บาท

          รวม . . . . 2,306 บาท . . . .
          . . . . 80,000 กีบ . . . .

          ทริปนี้ ขอนิยามเป็นการส่วนตัวว่าทริปนอนแลัวกัน ตั้งใจจะมาเรื่อยเปื่อย ใช้ชีวิตช้า ๆ ก็ได้ช้า สนใจ ตื่นนอนมาก็สายโด่ง ทำให้ออกจากที่พักเวลา 10.00 น. กว่า ๆ

          สิ่งแรกที่ทำคือ ไปเช่าจักรยาน ราคาอยู่ที่ - - 20,000 กีบ - - ถือว่าเป็นราคาปกติ พอมีพาหนะคู่กายในหลวงพระบางเป็นที่เรียบร้อย เราก็ปั่นให้ทั่วตามกำลังขาของคนชอบปั่นจักรยาน หลวงพระบางนี่เราขอยกให้เป็นเมืองที่น่าปั่นจักรยาน

          มื่อปั่นมาสักชั่วโมงด้วยความหิว เราได้แวะร้านเฝอร้านหนึ่ง เฝออร่อยมาก ไม่ต้องปรุง อากาศในวันนั้นร้อนถึงร้อนมาก เลยขอดับร้อนด้วยโออิชิสัญชาติไทย เพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือดและดับกระหาย ราคา เฝอ - - 15,000 กีบ - - โออิชิ - - 8,000 กีบ - -


          ท้องอิ่ม ร่างกายสดชื่น เราจึงออกตามหาศูนย์ LTC อย่างจริงจัง ถามคนนั้นที ถามคนโน้นที ในที่สุดเราก็หาเจอใช้เวลาเกือบชั่วโมง (ก็ปั่นไปเรื่อยนะ อิอิ)


          เอื่อย เจ้าหน้าที่ของ LTC น่าฮักหลาย ใจเย็น เป็นกันเอง เราไปเปิดสัญญาณเน็ต 3G 4G ที่นั่น

ขั้นตอนการใช้เน็ต ไม่ต่างจากไทยสักเท่าไร

          ซื้อซิมราคา 10,000 กีบ ราคาปกติ (เราซื้อไปวันแรกที่มาลาว)
          โทรไปลงทะเบียนตามเบอร์ที่อยู่ในบัตรที่มาพร้อมกับซิม
เขาจะรู้ว่าเราเป็นคนไทยจากสำเนียงการพูด "คนไทยบ่ ซื่อหยัง" บอกชื่อเท่านั้น แค่นี้ก็ทะเบียนเรียบร้อย
          เติมเงิน
          เปิดสัญญาณที่ศูนย์
          สมัครโปร

          เมื่อจัดการภารกิจเน็ตเสร็จ ภารกิจต่อไป สำคัญมาก คือ การเขียนโปสการ์ด ราคาโปสการ์ดใบละ 1,500 กีบ ราคารวมทั้งหมดพร้อมแสตมป์ - - 20,500 กีบ - - เราใช้เวลาในการเขียนเกือบชั่วโมงครึ่ง รวมเวลาในตอนนั้นก็ประมาณ 15.00 น.


          ปั่นเที่ยวในโซนตัวเมืองชั้นใน เก็บความประทับใจ เราสะดุดตาตรงถังขยะต่างสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของหลวงพระบาง บ่งบอกถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิต ~ ~ ~ เก๋ !! ชอบ !!


          ตึกรามบ้านช่องสวยงามเป็นเอกลักษณ์ วัดวาอารามก็งดงามมีความสงบ พอเราปั่นไปได้สักชั่วโมงก็ได้เวลาของการชิมกาแฟลาว ของดีของลาวกันสักหน่อย แวะร้านกาแฟริมโขงบรรยากาศดีมาก ใช้เวลากินลมชมวิวไปราวครึ่งชั่วโมง


          กาแฟดำลาว รสชาติดี สมคำร่ำลือ
          ราคากาแฟ + ขนม + น้ำดื่ม 1 ขวด - - 19,000 กีบ - -

          ภารกิจต่อไป เกือบไม่ได้ทำ มัวแต่เรื่อยเปื่อย
          ภารกิจของเราคือ วัดเชียงทองราชวรวิหาร ***ไฮไลท์ของเรา*** - - 20,000 กีบ - -
          พระธาตุพูสี - - 20,000 กีบ - -
          หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง 20,000 กีบ
          วัดวิซุนนะราช 20,000 กีบ

          สถานที่ต่าง ๆ ที่เก็บค่าเข้าชม (20,000 กีบ) จะมีเวลาปิดเปิดตามเวลาราชการของที่นั้น คือ 08.00 - 17.00 น.
          # # # ยกเว้นพระธาตุพูสี
          ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาจะ 17.00 น. มีเวลาเหลือครึ่งชม. เรานี่รีบไปวัดเชียงทองก่อนเลย


          ด้วยความที่ชื่นชอบหอพระพุทธไสยาสน์ ขอเท้าความระลึกอดีตกันสักนิด เมื่อหลายปีก่อน เราได้เห็นรูปจากโปสการ์ดในหนังสือ อสท. เป็นรูปเณรน้อยยื่นหน้าออกมาทางหน้าตาบานเล็ก ๆ ของหอพระพุทธไสยาสน์ เราชอบมากและต้องไปเห็นให้ได้สักครั้ง

          พอถ่ายรูปเสร็จเราก็ไม่รอช้า . . . เสี่ยงเซียมซีค่ะ ได้ใบ ๒๒ ให้คุณลุงท่านที่ขายตั๋วเข้าชมอ่านให้ฟัง สรุป ลุงแกบอกว่าใบนี้ดีหมดนะ ~ ~ เรานี่เก็บกลับบ้านโลด !!


          เป็นวัดที่สมกับที่เราไฮไลท์ไว้ซะจริง จากนั้นไม่ไกลกัน คือ หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ด้วยความรีบร้อน เวลามีจำกัดมากจึงทำได้แค่เพียงถ่ายรูปรอบนอก


          ต่อมาไม่รอช้า เราปั่นไปวัดวิซุนที่อยู่ใกล้ที่พัก ปรากฏว่าไม่ทัน วัดปิดให้เข้าชมแล้ว
          ~ ~ จบข่าว !!

          ไม่เป็นไรไปต่อ ไฮไลท์ของใครหลายคน คือ พระธาตุพูสี ไม่ปิดแน่นอน


          บรรยากาศดูพระอาทิตย์ตกที่หลายคนต่างรอชื่นชม ก็สวยจริง ๆ นะ แต่คนเยอะต้องแบ่ง ๆ กันชื่นชม เรารอให้พระอาทิตย์ตกจนถึง 18.30 น. เราก็ปั่นจักรยานริมโขงไปเรื่อย ลมเย็น สบายใจ เป็นเวลาราว 2 ทุ่มเห็นจะได้ จากนั้นก็นำจักรยานไปคืน หาเบยลาวดื่มตามคำยุยงส่งเสริมของพี่ท่านหนึ่งที่รู้จักกัน หาเสบียง และกลับที่พัก ราคา เบยลาว - - 10,000 กีบ - -  มาม่าถ้วย - - 5,000 กีบ - - หลับสบายล่ะคืนนี้

สรุปค่าใช้จ่ายในวันที่ 27 พ.ค. 2558

          เช่าจักรยาน 20,000 กีบ
          เฝอ + โออิชิ 23,000 กีบ
          โปสการ์ดพร้อมแสตมป์ 20,500 กีบ
          กาแฟ + ขนม + น้ำดื่ม 19,000 กีบ
          ค่าเข้าชมวัดเชียงทองฯ 20,000 กีบ
          ค่าเข้าชมพระธาตุพูสี 20,000 กีบ
          เบยลาว 10,000 กีบ8. มาม่าถ้วย 5,000 กีบ

          รวม . . . 197,500 กีบ . . .

          ได้เวลาเดินทางกลับบ้าน เราเช็กเอาท์ออกจากที่พักเรียบร้อยก็ออกเดินหารถสามล้อเครื่องไปท่ารถสายใต้ รถสามล้อเครื่องเรียกราคาแพงมาก 30,000 กีบ เราต่อให้เหลือ - - - 20,000 กีบ - - - ด้วยความที่รีบจริง ๆ แล้วราคาอยู่ที่ 1 คน 15,000 กีบก็พอ ถ้ารถคันไหนไม่ให้ก็ไม่ต้องขึ้น เพราะเขาโก่งราคา

          ถ้าไม่รีบนะ ต่อให้ได้ 15,000 กีบ ซึ่งเป็นราคาปกติ ยังเสียดายไม่หายที่ถูกโก่งราคา

          เมื่อถึงที่ท่ารถสายใต้ของหลวงพระบาง เราจะดินทางด้วยรถโดยสารของ บขส. ระหว่างประเทศ
          รถมีวันละ 1 เที่ยว ออกเวลา 08.00 น. ของทุกวัน ราคา - - 180,000 กีบ - -
          เส้นทางเดียวกันกับที่มา ใช้เวลา 9 ชม. เช่นเดียวกัน (มีของว่างและอาหารกลางวัน)
          รถมาถึงขนส่งเลยในเวลา 17.00 น. เราก็ได้ซื้อตั๋วของ บขส. กลับ กทม. ราคา - - 428 บาท - -
          รถออก 20.40 น. เพื่อให้มาถึง หมอชิต 06.00 น. พอดิบพอดี

          นั่งเที่ยว 20.40 น. จะมาที่ท่ารถ บขส. จังหวัดเลย ในเวลา 20.00 น.

          เมื่อล้อหมุน หัวถึงเบาะรถ เราก็หลับปุ๋ย!
          ตื่นอีกที่เพราะความหิว ตอนตี 2 เป็นช่วงนี้รถกำลังจะแวะพักกินข้าวพอดี


          เป็นครั้งแรกที่ได้ฝึกสกิลกินข้าวต้มกับคนข้าง ๆ เขากินกันเหมือนไม่ร้อน
          ~ ~ เราก็จัดดิ !! ถึงกับสะดุ้ง ข้าวต้มร้อนมาก !!
          เรารู้ตัวเลยว่าต้องฝึกอีกเยอะมาก

          กินไม่ทันคนข้าง ๆ แต่กินทันคนขับรถ ถือว่าผ่านบันไดขั้นแรก ~ ~ 555 !!

          มาถึงหมอชิตเช้าพอดี เราก็กลับหอด้วยรถเมล์สาย 104 ราคา - - 15 บาท - -

          เป็นการ . . . จบ ทริป . . . ทริปที่เรื่อยเปื่อย ตามใจฉัน

  สรุปค่าใช้จ่ายในวันที่ 28 - 29 พ.ค. 2558

          ค่ารถหลวงพระบาง - เลย 180,000 กีบ
          ค่ารถสามล้อเครื่อง 20,000 กีบ
          ค่ารถกลับ กทม. 428 บาท
          รถเมล์ 15 บาท

          รวม . . . . 200,000 กีบ . . . .
          . . . . 443 บาท . . . .

  สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

          วันที่ 25 - 26 พ.ค. 2558
          . . . . 2,306 บาท . . . .
          . . . . 80,000 กีบ . . . .

วันที่ 27 พ.ค. 2558

          . . . . 137,500 กีบ . . . .

วันที่ 28 - 29 พ.ค. 2558

          . . . . 200,000 กีบ . . . .
          . . . . 443 บาท . . . .

          เงินกีบ . . . 417,500 กีบ . . . { 417,500/242 ~ 1,725 บาท }
          เงินบาท . . . 2,749 บาท . . .

          รวม 4,474 บาท

          เราสัญญากับตัวเองไว้ว่าต้องมาหลวงพระบางอีกครั้ง โดยเลือกการเดินทางเส้นทางเดิม แต่ที่ต่างกันออกไปคือจะนำรถจักรยานมาด้วย จะพาเพื่อนมาด้วย จะอยู่ให้นานกว่านี้ เที่ยวให้ทั่วกว่านี้ ที่สำคัญคืองบประมาณในการเดินทางจะน้อยลงอย่างแน่นอน ~ ~ 555 !!
 
          สุดท้าย และท้ายที่สุด ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมาก ๆ นะคะ ที่รับชมกระทู้นี้

          #ถ้าเราไปได้ ใคร ๆ ก็ไปได้