เตรียมรื้อ พ.ร.บ การออมฯ ชี้ได้ประโยชน์กว่าประกันสังคม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           กมธ. ปฏิรูปสังคมฯ เตรียมเสนอให้บังคับใช้ พ.ร.บ.การออมฯ มุ่งเน้นให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบรู้จักออม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพิ่มหลักประกันผู้สูงอายุ

           เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557  นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส แถลงว่า ทาง กมธ. พร้อมผลักดันให้รัฐบาลออก พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 และให้มีผลบังคับใช้ หลังจากที่ พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ เนื่องจากทับซ้อนกับ พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา 40 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน สามารถส่งเงินสมทบเข้ากับภาครัฐได้ และไม่จำเป็นต้องใช่ พ.ร.บ.ดังกล่าว

           ทั้งนี้ ทาง กมธ. จะเสนอให้รัฐบาล บังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อเป็นของขวัญให้คนไทย 30 ล้านคน มุ่งเน้นการออมให้กับประชาชนที่ไม่ใช่ข้าราชการ หรือลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนประเภทบำเหน็จบำนาญ ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มหลักประกันให้แก่ผู้สูงอายุ

           ด้านนางอุบล หลิมสกุล รองประธาน กมธ.ปฏิรูปสังคมฯ กล่าวว่า การที่รัฐบาล ไม่ดำเนินการบังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 จะส่งผลเสียต่อประชาชน ดังนี้

           1. ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 31 ไม่มีเงินออม และร้อยละ 42 มีปัญหารายได้ไม่พอใช้ต่อการดำรงชีพ เบี้ยยังชีพมูลค่า 500-700 บาทนั้น ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน

           2. การเลื่อนเวลาเปิดรับสมาชิกนั้น ส่งผลเสียหายโดยตรงกับแรงงานนอกระบบ ที่ต้องการสร้างหลักประกันยามชราภาพ

           3. การดำเนินการตาม มาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคมนั้น มีฐานะเป็นเพียง พ.ร.ฎ. ที่คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาอัตราสมทบรายปี แต่หากเป็น พ.ร.บ รัฐจะสมทบในอัตราที่แน่นอน และประชาชนมีหลักประกันมากกว่า

           4. ผู้มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ มีฐานที่กว้างกว่าผู้เป็นสมาชิกตามกฎหมายประกันสังคม




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก