ปลดล็อก ผู้ค้ำ-จำนอง คุ้มครองการถูกบังคับหนี้ บังคับใช้ปีหน้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ราชกิจจานุเบกษา

            12 กุมภาพันธ์ ปีหน้า บังคับใช้แน่ ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับแก้ไขใหม่ คุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมผู้ค้ำ-จำนอง มากกว่าเดิม ป้องกันถูกบังคับหนี้เสมือนเป็นลูกหนี้สายตรง ด้านสถาบันการเงินเครียด แบกรับความเสี่ยงหนี้เสียเพิ่มขึ้น คาดกระทบเอสเอ็มอี-ลูกค้ารายย่อย เข้าถึงแหล่งเงินทุนยากกว่าเดิม 
 
            เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558

            โดยกฎหมายที่แก้ใหม่จะนำมาบังคับใช้แทนบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับปัจจุบัน มีสาระสำคัญของการแก้ไขเพื่อเพิ่มการคุ้มครองสิทธิและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ค้ำประกันและผู้จำนอง ซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้โดยตรงมากขึ้น อันจะลดทอนสิทธิของเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินในการบังคับหนี้จากผู้ค้ำหรือผู้จำนองลง เนื่องจากในปัจจุบันมักพบว่า เจ้าหนี้หรือสถาบันการเงินอาศัยอำนาจต่อรองที่มากกว่า กำหนดข้อตกลงอันเป็นการยกเว้นสิทธิของผู้ค้ำหรือจำนอง หรือให้ผู้ค้ำหรือจำนองต้องรับผิดชอบเสมือนเป็นลูกหนี้โดยตรง

            ตามรายงานจากประชาชาติธุรกิจ ระบุว่า การบังคับใช้มาตราดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินเป็นอย่างมาก เนื่องจากแบงก์ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ต้องแบกภาระความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยตอนนี้หลายแบงก์เตรียมสั่งรื้อเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อ การติดตามทวงหนี้ ด้านกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและย่อม (SMEs) รวมถึงลูกค้ารายย่อย เสี่ยงเจอผลกระทบหนักจากการถูกลดวงเงินกู้ รวมทั้งเรียกหลักทรัพย์เพิ่ม ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนยากขึ้น

            โดยสถาบันการเงินเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ให้เต็มที่ก่อน จึงบังคับหนี้จากผู้ค้ำประกันและผู้จำนอง ซึ่งเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มักไม่มีหลักประกันในการยื่นขอสินเชื่อมากเพียงพอ จึงต้องมีผู้ค้ำประกันหรือผู้จำนองเพิ่ม แต่เมื่อสิทธิในการเรียกชำระหนี้จากผู้ค้ำและผู้จำนองมีข้อจำกัดมากขึ้น การอนุมัติวงเงินกู้จะยากขึ้นด้วย นอกจากนี้เมื่อบทบาทของผู้ค้ำประกัน-จำนองลดลง สถาบันการเงินอาจอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้น้อยลงด้วย

            นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายการกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้การปรับเปลี่ยนข้อบังคับดังกล่าว จะเป็นอุปสรรคต่อการปรับโครงสร้างหนี้ จุดชนวนหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีจะนัดสมาชิกสมาคมธนาคารไทย เข้ามาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขและรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันที่ 18 พ.ย. นี้

            ทั้งนี้สามารถอ่านเนื้อหาฉบับเต็มของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2557 จำนวนทั้งสิ้น 24 มาตรา ได้ที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก