"ทำประกันสุขภาพติดตัวไว้ก่อนไปเรียนต่างประเทศ ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ"
เมื่อวางแผนไปเรียนต่อต่างประเทศ นอกจากการเตรียมตัวเรื่องของการเลือกสถานที่เรียน เตรียมเสื้อผ้ากระเป๋าเดินทาง หรือเอกสารสำคัญต่างๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การทำประกันสุขภาพ เนื่องจากความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเป็นที่ทราบกันดีว่าค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศค่อนข้างสูง หากมีประกันสุขภาพก็จะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ แต่ละประเทศจะกำหนดเงื่อนไขของการทำประกันสุขภาพไว้แตกต่างกัน ขอยกตัวอย่างประกันสุขภาพของประเทศยอดฮิตที่เด็กไทยนิยมไปเรียนต่อ เช่น
ประเทศออสเตรเลีย นักศึกษาต่างชาติทุกคน (ยกเว้นนักศึกษาจากประเทศสวีเดนและนอร์เวย์) ที่ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรระยะเวลามากกว่า 3 เดือน ต้องมีประกันสุขภาพที่เรียกว่า Overseas Student Health Cover (OHSC) ตลอดช่วงระยะเวลาที่เรียนอยู่ในประเทศออสเตรเลีย โดยได้รับความคุ้มครองสุขภาพเหมือนกับชาวออสเตรเลีย เช่น ค่าหมอ ค่ารักษาตัวในโรงพยาบาล ค่ายาตามใบสั่งแพทย์ ค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน เป็นต้น โดยทั่วไปสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้ดำเนินการสมัคร แล้วจัดเก็บเบี้ยประกันจากผู้เรียนในช่วงที่ดำเนินการเรื่องการสมัครเรียน และที่สำคัญคือ ผู้ที่จะเดินทางไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียต้องมีหลักฐานการจ่ายค่าประกันสุขภาพนักเรียน OHSC จึงจะยื่นขอวีซ่านักเรียนได้
สหราชอาณาจักร นักศึกษาหลักสูตรแบบเต็มเวลาที่ลงทะเบียนเรียนตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จะมีสิทธิรับการตรวจรักษาฟรีตามโครงการบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service: NHS) เช่นเดียวกับผู้ที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เช่น การวินิจฉัยโรคและให้คำปรึกษา การรักษาในโรงพยาบาล ทั้งการรักษาในกรณีฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉิน เป็นต้น ทั้งนี้ หากต้องเรียนหลักสูตรปรับพื้นฐานก่อน ควรสอบถามมหาวิทยาลัยก่อนเดินทางไปเรียนว่าช่วงเรียนหลักสูตรปรับพื้นฐาน ได้รับความคุ้มครองสุขภาพจากประกัน NHS หรือไม่ หากไม่ได้รับความคุ้มครองแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพระยะสั้นไว้ด้วย โดยซื้อจากบริษัทประกันในสหราชอาณาจักร หรือในประเทศไทยก็ได้
สหรัฐอเมริกา จะไม่มีบริการความคุ้มครองสุขภาพจากภาครัฐฯ ดังนั้น ผู้ที่จะไปเรียนจะต้องเตรียมทำประกันสุขภาพไปเอง และโดยปกติ สถาบันการศึกษาทุกแห่งในสหรัฐอเมริกาจะแนะนำให้ผู้เรียนซื้อประกันสุขภาพเมื่อเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ อย่าลืมดูข้อกำหนดของสถาบันการศึกษาให้ดีว่า เราสามารถทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันที่ไหนได้บ้าง เพราะบางสถาบันการศึกษามีข้อบังคับว่า ผู้เรียนต้องทำประกันกับบริษัทประกันที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้ติดต่อให้เท่านั้น
แนะนำว่า หากประเทศหรือสถาบันการศึกษาที่เลือกไปเรียน ไม่มีบริการด้านประกันสุขภาพ ควรทำประกันคุ้มครองสุขภาพให้ตนเอง หรือหากมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ก็ควรตรวจสอบว่ามีความคุ้มครองถึงการใช้ชีวิตในประเทศที่กำลังจะไปเรียนหรือไม่ รวมถึงมีความคุ้มครองที่สูงมากพอ โดยควรนำเอกสารเกี่ยวกับแผนประกันในประเทศไทยที่เป็นภาษาอังกฤษติดตัวไปด้วย
K-Expert Action
• ก่อนไปเรียนต่างประเทศ อย่าลืมตรวจสุขภาพร่างกาย สุขภาพฟัน รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ
• รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอระหว่างที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อป้องกันโรคภัยต่างๆ
• ศึกษาเงื่อนไขการทำประกันสุขภาพของสถาบันการศึกษาที่จะไปเรียนต่อให้ดี จะได้ไม่มีปัญหาเมื่อต้องเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก