เตรียมความพร้อม ก่อนเรียนโทต่างประเทศ (ธนาคารกสิกรไทย)
เรียกได้ว่า สมัยนี้คนไทยนิยมส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ เพื่อฝึกภาษา และเรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมส่งไปเรียนในระดับปริญญาโท เพราะอยู่ในวัยที่ดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่การใช้ชีวิตในต่างประเทศนานเป็นปี ๆ นั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายและสบายนัก หากเตรียมตัวไปไม่ดี อาจทำให้ท้อเมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ จึงขอแนะนำแนวทางในการเตรียมตัวมาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่มีแผนส่งลูกหลานไปเรียนต่อ รวมถึงผู้ที่อยากไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้การเรียนและการใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น
เลือกประเทศที่ต้องการเรียนคำถามแรกที่หลายคนจะนึกถึงเมื่อต้องการไปเรียนต่างประเทศก็คือ เรียนประเทศไหนดี ซึ่งแต่ละประเทศมีความน่าสนใจ มีสภาพความเป็นอยู่ในการดำเนินชีวิต และมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน บางเมืองหรือบางประเทศหนาวมากก็อาจไม่เหมาะกับสภาพร่างกายของบางคน เมื่อเลือกประเทศได้แล้ว ก็ต้องเลือกว่า เรียนอะไรดี ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรที่ต้องการเรียน สามารถค้นหาจากเว็บไซต์ ปรึกษาเพื่อนที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนอยู่ หรือขอคำแนะนำจากบริษัทแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ วิธีหลังนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่เตรียมตัวไปเรียนต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ จะมีคำแนะนำ ให้ข้อมูลทางเลือกในการตัดสินใจ รวมถึงดำเนินการติดต่อเรื่องการเรียนกับมหาวิทยาลัยให้เราทุกขั้นตอน
คำนวณงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เพียงพอค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนต่อต่างประเทศนับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในประเทศไทย ทั้งนี้ แต่ละประเทศจะมีค่าเล่าเรียนที่แตกต่างกัน รวมถึงในประเทศเดียวกัน ค่าเล่าเรียนก็ยังแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถาบันการศึกษาและสาขาวิชาที่เรียน นอกจากนี้ ยังมีค่าครองชีพที่ต้องไม่ลืมคำนวณงบประมาณไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ค่าสันทนาการต่าง ๆ บางประเทศ ค่าเล่าเรียนอาจไม่สูงนัก แต่ค่าครองชีพค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เรียกว่าเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกประเทศที่จะไปเรียน อย่างไรก็ตาม หากขอทุนการศึกษาได้ เรื่องค่าใช้จ่ายอาจไม่ใช่ข้อจำกัดมากนัก หรือระหว่างที่เรียนอยู่ บางประเทศอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติทำงาน Part-time ได้ เป็นทางหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย
เตรียมพร้อมด้านการเงินก่อนเดินทางก่อนออกเดินทางไปเรียนต่างประเทศ ก็ต้องแลกเงินไปให้พร้อม แนะนำว่า ควรนำเงินสดติดตัวไปให้เพียงพอใช้จ่ายในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ส่วนที่เหลือทำเป็นเช็คเดินทาง (Traveler’s Cheque) หรือดราฟท์ธนาคาร (Bank Draft) ซึ่งมีความปลอดภัยในการพกติดตัว สามารถใช้เปิดบัญชีกับธนาคารในต่างประเทศ
ในกรณีที่ต้องการส่งเงินจากประเทศไทยให้ผู้เรียนในต่างประเทศ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถซื้อดราฟท์ธนาคารในประเทศไทย แล้วส่งไปรษณีย์ไปให้ผู้เรียนตามที่อยู่ในต่างประเทศ หรือใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้เรียนที่เปิดไว้กับธนาคารในต่างประเทศก็ได้ โดยค่าธรรมเนียมการโอนอยู่ที่ครั้งละประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป
อีกวิธีหนึ่งที่สะดวกทั้งการใช้จ่ายเมื่ออยู่ในต่างประเทศ และการโอนเงินให้ผู้เรียนจากประเทศไทย คือ ผู้เรียนเปิดบัญชีออมทรัพย์ไว้กับธนาคารในประเทศไทย พร้อมกับทำบัตรเดบิต (Debit) พกติดตัวไป เมื่อต้องการโอนเงินให้ผู้เรียน ก็เพียงแค่นำเงินฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดไว้ ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้บัตรเดบิตกดถอนเงินสดจากตู้ ATM ที่มีเครื่องหมาย PLUS ในต่างประเทศ และใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนเงินสด ณ ร้านค้าทั่วโลกที่รับบัตร VISA ได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมในการถอนเงินครั้งละประมาณ 100 บาท
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรเตรียมพร้อมคือ การทำประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในระหว่างศึกษาอยู่ในต่างประเทศ เนื่องจากความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเป็นที่ทราบกันดีว่าค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศค่อนข้างสูง หากมีประกันสุขภาพจะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปเรียนที่ประเทศใด ๆ ก็ตาม ก่อนเดินทาง อย่าลืมตรวจสุขภาพร่างกาย สุขภาพฟัน รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ และในระหว่างที่พักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอเพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ หากเจ็บป่วยขึ้นมาอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนได้
การวางแผนเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเอกสารสำหรับการเรียน เตรียมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และที่สำคัญคือ การเตรียมพร้อมด้านจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการศึกษาให้ประสบความสำเร็จ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่อีเมล K-Expert@kasikornbank.com และ เว็บบอร์ดในเว็บไซต์ K-Expert สำหรับผู้ที่สนใจข่าวสารการเงินดี ๆ ติดตามได้ที่ เว็บไซต์ www.askKBank.com/K-Expert และ Twitter @KBank_Expert
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
