เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ธ.ก.ส. แถลงได้ทยอยจ่ายเงินให้ชาวนาไปแล้ว 6.2 หมื่นล้านบาท เหลือจ่ายเงินชาวนา 1.1 แสนล้านบาท ให้กับเกษตรกร 9 แสนราย เป็นเงินจากงบประมาณที่กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหามาให้ ไม่ใช่เงินฝากของ ธ.ก.ส.
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2557) นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แถลงถึงกระแสข่าวการกู้เงินในตลาดเงินเพื่อนำมาให้ ธ.ก.ส. ใช้จ่ายในโครงการจำนำข้าวปี 2556/2557 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในขณะนี้ว่า เงินที่จ่ายจำนำข้าวยังเป็นไปตามเงื่อนไขเดิมคือ เป็นเงินจากงบประมาณที่กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหามาให้โดยการค้ำประกันและเป็นเงินจากการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาชำระคืนเท่านั้น ไม่ใช่เงินฝากของ ธ.ก.ส. แต่อย่างใด
นายลักษณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการกู้เงินในระยะสั้นที่เป็นข่าวนั้น เป็นวิธีการหนึ่งในหลาย ๆ วิธีการในการหาเงินทุนมาใช้ในโครงการของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่ามา กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืนมากกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้ เช่น เดือนมกราคมจากเดิมคาดว่าจะส่งมาชำระหนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท แต่สามารถส่งมาชำระคืนได้ถึง 10,036 ล้านบาท ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ส่งมาชำระคืนแล้ว 6,269 ล้านบาท คาดว่านับจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืนโดยเฉลี่ยเดือนละ 8,000-10,000 ล้านบาท และทาง ธ.ก.ส. จะเร่งทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้กับเกษตรกรตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอเงินจากรัฐบาล ทาง ธ.ก.ส. ก็ได้ออกมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเป็นระยะเวลา 6 เดือน และหากเกษตรกรมีความประสงค์จะใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนหรือนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ธ.ก.ส. ก็พร้อมให้เงินกู้ก้อนใหม่ เพื่อลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบ
ส่วนการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/2557 ธ.ก.ส. ได้ทยอยจ่ายไปแล้ว 62,994 ล้านบาท ให้กับเกษตรกร 512,118 ราย คิดเป็นปริมาณข้าวเปลือกจำนวน 3.91 ล้านตัน คงเหลือเงินที่ต้องจ่ายประมาณ 116,000 ล้านบาท เกษตรกรประมาณ 900,000 ราย ปริมาณข้าวประมาณ 6.7 ล้านตัน
ท้ายนี้ นายลักษณ์ กล่าวว่า หลังจากกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินสำหรับจ่ายให้เกษตรกรด้วยการให้ ธ.ก.ส. กู้ยืมระหว่างธนาคารเป็นการชั่วคราวระยะสั้น 30 วัน วงเงิน 5,000 ล้านบาทจากธนาคารออมสิน แต่เมื่อมีการทักท้วงจากกลุ่มสหภาพ ธ.ก.ส. จึงได้ชะลอการจ่ายเงินดังกล่าวออกไปก่อน โดยต้องขอหารือกับกระทรวงการคลังในช่วง 1-2 วันนี้ ให้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการอย่างไร เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจากความไม่สบายใจของผู้ฝากเงิน จะส่งผลกระทบเกิดขึ้นหลายด้าน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก