นักวิชาการสวดยับการเมืองระอุกระทบเศรษฐกิจไทยระส่ำ เล็งปีนี้จีดีพีโตหลุดเป้า ประเมินหากยืดเยื้อฉุดเศรษฐกิจปี 57 เหลือ 3-4% จากเป้า 5% ลุ้น กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ว่า ระยะสั้นอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนของภาคเอกชน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐด้วย โดยในไตรมาส 4 ปี 2556 รัฐบาลตั้งเป้าเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 27-28% จากปกติเบิกจ่ายที่ 22% โดยขณะนี้ส่วนราชการเบิกจ่ายงบประมาณแล้วราว 15% โดยประเมินว่าหากการชุมนุมทางการเมือง และการบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ ยืดเยื้อยาวนานเกิน 1-2 สัปดาห์ จะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณส่วนที่เหลือของภาครัฐ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.7%
“ระยะสั้นยังต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีแนวทางแก้ไขไปในทางไหน เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ถือเป็นกลจักรสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยด้วยว่าจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และต้องติดตามการฟื้นตัวของภาคการส่งออก หลังจากที่เศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ สศค. อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลชี้วัดทางเศรษฐกิจทั้งหมด และจะมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้ ในเดือนหน้า” นายเอกนิติกล่าว
ด้าน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ อาจทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ต่ำกว่า 3% เนื่องจากปัจจัยหนุนต่างๆ อาทิ การใช้จ่ายและการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นความหวังสำคัญของเศรษฐกิจไทยก็กำลังได้รับแรงกดดัน เนื่องจาก 16-17 ประเทศทั่วโลก ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในไทย
“การเมืองกำลังซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยจากที่มีแนวโน้มชะลอตัวอยู่แล้ว ให้ชะลอตัวมากขึ้น และหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไป ความหวังที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3% โดยไตรมาสที่ 4 จะต้องเติบโตที่ 1.9% คงเป็นไปได้ยาก และอาจมีผลกระทบสืบเนื่องถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 5% ก็เป็นไปได้ยากด้วยเช่นกัน โดยมีโอกาสเติบโตได้เพียง 3-4% เท่านั้น” นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ต่อไป เพื่อเป็นการรอดูแนวโน้ม หรือสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมือง ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังบอบบาง เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งปัจจัยกดดันจากภาคการเมือง ทำให้ กนง. อาจต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้นในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย
