x close

บัตรเครดิต...แค่บัตรสร้างหนี้ หรือจริง ๆ ก็มีข้อดีเหมือนกัน



บัตรเครดิต...แค่บัตรสร้างหนี้ หรือจริง ๆ ก็มีข้อดีเหมือนกัน

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ ตาหนุ่ม สมาชิกเว็บบล็อกโอเคเนชั่น

            หลายคนเปรียบเปรย "บัตรเครดิต" เป็นเสมือน "บัตรสร้างหนี้" เพราะเห็นพฤติกรรมของผู้ใช้บัตรเครดิตใกล้ตัวหลายคนล้วนแล้วแต่หัวหมุนกับการหาเงินมาโปะอันเป็นผลมาจากการรูดปรื๊ดเพลินเกินกำลังที่จะผ่อนไหว จนเป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว ต้องไปเปิดบัตรใหม่มาโปะบัตรเก่าวนเวียนเป็นวัฎจักรไม่รู้จักจบจักสิ้น

            เห็นแบบนี้แล้ว คนที่ยังไม่เคยมีบัตรเครดิตก็คงรู้สึกแขยงเจ้าบัตรอิเล็กทรอนิกส์นี้ไปเลย แต่เชื่อว่าบางคนก็ยังคงสงสัยอยู่ลึก ๆ ว่า บัตรเครดิตแสนสะดวกนี้ดีแต่ก่อปัญหาให้ผู้ใช้เท่านั้นหรือ หรือจริง ๆ แล้วก็อาจจะมีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าเรารู้จักใช้ให้เป็น

            เพื่อไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ กระปุกมันนี่ ก็เลยขออนุญาตหยิบบทความดี ๆ เรื่อง "บัตรเครดิต ดาบสองคม ใช้ไม่เป็นอันตราย ใช้เป็น ใช้ดี มีประโยชน์" จากคุณสุมน จักษ์เมธา สมาชิกเว็บบล็อกโอเคเนชั่น เจ้าของนามแฝง "ตาหนุ่ม" ที่เขียนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 มาบอกให้เพื่อน ๆ ได้รู้กัน จะได้นำคำแนะนำต่อไปนี้ไปใช้บริหารจัดการบัตรเครดิตที่คุณมีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดค่ะ

เคล็ดไม่ลับ "ใช้เป็น ใช้ดี มีแต่ได้"

            นับตั้งแต่ที่ผมได้เป็นมนุษย์เงินเดือน และมีโอกาสใช้บริการบัตรเครดิตมาสิบกว่าปี ใช้มานับสิบใบ ยังไม่เคยมีปัญหาหนี้ค้างแต่ประการใด ไม่ใช่ว่าพกบัตรแต่ไม่ใช้ แต่ผมมีหลักการใช้ของผม ต่อไปนี้เป็นเคล็ดวิชาการใช้บัตรเครดิตของผมที่นำมาแบ่งปันให้ท่านได้พิจารณาครับ ถ้าเห็นว่าดีจะนำไปทำตามก็ไม่ว่ากัน

ใช้เป็น

            การใช้บัตรเครดิตของผมจะยึด "กฎการใช้ (บัตรเครดิต) เป็น" 3 ข้อดังนี้

กฎข้อที่หนึ่ง รู้จักควบคุม

            การควบคุมการใช้จ่ายของตนเองถือเป็นสาระสำคัญ ผมจะวางแผนและควบคุมการใช้เงินของตนเองไม่ให้เกินเงินที่หามาได้ เงินเดือนผมหลังหักภาษีแล้วจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก จะเป็นรายการที่จ่ายประจำทุก ๆ เดือน ซึ่งปกติจะเป็นรายการที่จำเป็นในชีวิต เช่น ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าผ่อนรถ-ผ่อนบ้าน (ถ้ามี) ฯลฯ อันนี้ผมเรียกว่า "รายจ่ายประจำ" ซึ่งเป็นส่วนที่จะต้องดูแลให้อยู่ในกรอบตัวเลขที่กำหนด หากเกินไปมากก็ต้องวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางป้องกันแก้ไขต่อไป

            ส่วนที่สอง คือ ส่วนที่เหลือหลังหักรายจ่ายประจำแล้ว ส่วนนี้ผมจะเก็บไว้สำหรับรายการที่ไม่ได้เกิดประจำทุกเดือน เช่น ค่าเทอมลูก ค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อน ค่าของขวัญให้ภรรยา ค่าสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นต้น ตรงนี้ผมเรียกว่า "รายจ่ายไม่ประจำ"

            รายจ่ายไม่ประจำที่เป็นรายการภาคบังคับและมีความสำคัญ อย่างเช่น ค่าเทอมลูก ตรงนี้จะเก็บออมโดยให้ลำดับความสำคัญในอันดับต้น ๆ รายการที่จำเป็นต้องจ่ายแต่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เช่น ค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล ก็จะมีเงินสำรองส่วนหนึ่งเผื่อไว้ตลอดเสมอ ส่วนรายการสินค้าฟุ่มเฟือยที่เป็นเงินก้อนใหญ่ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ก่อนจะซื้อก็ต้องออมก่อนครับ สะสมเงินเป็นพิเศษสำหรับรายการนี้ให้เพียงพอก่อนที่จะไปซื้อ หากมีรายการอื่นที่สำคัญกว่ามาแทรกก็ยอมให้ใช้เงินก้อนนี้แทนได้ (แล้วก็ก้มหน้าก้มตาออมกันใหม่ ฮา...)  เพราะสินค้าฟุ่มเฟือยตามแนวคิดของผมนั้นมันคือของที่ "มีก็ดี ไม่มีก็(อยู่)ได้" ไม่สำคัญต่อการดำรงชีพมากนัก ผมไม่ชอบการรูดก่อนผ่อนทีหลัง หรือที่นักเศรษฐศาสตร์พูดกันว่าเอาเงินอนาคตมาใช้ คำว่า กู้ หรือผ่อนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าฟุ่มเฟือย ขัดกับกฎข้อนี้ครับ

กฎข้อที่สอง ใช้ให้ถูกทาง

            ก่อนอื่นควรเข้าใจกันก่อนว่า บัตรเครดิตนั้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรในการลดภาระและความเสี่ยงในการพกพาเงินสด ถ้ามีบัตรก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากนั่นเอง เช่น จากเดิมก่อนที่จะมีบัตรเครดิต หากต้องการจะซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่อง ก็ต้องพกเงินสดเผื่อไว้ไปสัก 2-3 หมื่นบาท แล้วค่อยไปเดินดูที่ร้าน หากถูกใจก็ค่อยซื้อและจ่ายเงิน ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรก็ดีไป แต่บางครั้งก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น เงินที่พกไปไม่พอ ทำให้อดในสิ่งที่อยากได้ หรือปะเหมาะเคราะห์ร้าย ล้วงกระเป๋าหาเหรียญมาซ้อน้ำดื่มแล้วดันทำเงินหล่นหาย หรือร้ายไปกว่านั้นถูกคนอื่นล้วงเอาเงินไปใช้แทน จะเกิดอะไรขึ้น?

            หากเรามีบัตรเครดิต ก็ไม่จำเป็นต้องพกพาเงินสดมาก ๆ ไปเดินด้วย เหตุการณ์ตลกร้ายแบบนั้นจะไม่เกิดกับเราแน่ ๆ หรือหากวันหนึ่งเราเดินไปพบกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี จึงพาเลี้ยงสุกี้ที่ร้านในห้างสรรพสินค้า แต่พอถึงเวลาจ่าย เงินสดในกระเป๋ากลับไม่พอ จะทำอย่างไร? หากเรามีบัตรเครดิตสักใบก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ใช่ไหมครับ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะเห็นได้ว่า บัตรเครดิตเหมาะสำหรับการใช้จ่ายรายจ่ายไม่ประจำ และรายจ่ายจำเป็นที่ไม่คาดคิดครับ

            รายจ่ายประจำของผมส่วนใหญ่จะถูกจ่ายด้วยเงินสด เพราะสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าบัตรเครดิต เรียกว่าเปิดกระเป๋าดูก็รู้แล้วว่าเงินเหลือเท่าไหร่ พอใช้หรือไม่ บางรายการจะใช้บัตรเครดิตมาช่วยอำนวยความสะดวก เช่น ไปซื้อของกินของใช้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ไม่ต้องพกเงินสดไปมากมาย หรือจ่ายค่าน้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ น้ำมันรถยนต์ เพราะรายจ่ายพวกนี้แต่ละเดือนจะใกล้เคียงกัน ควบคุมดูแลได้ง่าย

กฎข้อที่สาม ชำระตรงเวลา อย่าสะสมหนี้

            อย่างที่บอกไว้ในช่วงต้นแล้วว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตมันน่ากลัวมาก ดังนั้นกฎข้อที่สามในการใช้บัตรเครดิต คือ ชำระให้ตรงเวลากำหนด อย่าจ่ายช้า เพราะคุณจะโดนดอกเบี้ยเข้าให้ และสิ่งสำคัญอีกประการในการจ่าย คือ ชำระเต็มจำนวน อย่าชำระบางส่วน หรือชำระขั้นต่ำอย่างที่เด็กขายบัตรเครดิตบางคนโฆษณากับคุณไว้ เพราะการชำระเพียงบางส่วนนั้นหรือขั้นต่ำนั้น ส่วนที่เหลือคุณยังต้องจ่ายดอกเบี้ยครับ พอกไว้เรื่อย ๆ หนี้ท่วมจนต้องย้ายที่ทำงานหรือย้ายบ้านหนีก็มีมาแล้ว

            "ดอกเอ๋ยดอกเบี้ย อย่าเล่นกับมันเชียว
            บานทุกวันไม่มีเหี่ยว เผลอนิดเดียวหนี้ท่วมเอย"


ใช้ดี มีแต่ได้

            นอกจาก "กฎการใช้เป็น" ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากเรารู้จักใช้ส่วนดีของบัตรเครดิต คือ โปรโมชั่นของแต่ละบัตร ก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นครับ ของแบบนี้ผมยึดหลักการ สะดวก คุ้ม ถูกใจ ใช่เลย ปัจจุบันแม้ตาหนุ่มจะมีบัตรหลายใบ แต่ช่วงนี้พกแค่ 3 ใบเท่านั้น มาดูกันครับว่าชีวิตจริงของตาหนุ่มใช้โปรโมชั่นแต่ละบัตรอย่างไร (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2555)

            ใบแรก Kasikorn ผมใช้บัตรนี้จ่ายค่าน้ำประปา โทรศัพท์ และไฟฟ้าของบ้าน มาหลายปีแล้ว เพราะตอนนั้นเขาให้คะแนนสำหรับการใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย ปัจจุบันไม่มีแล้วแต่ยังปล่อยให้ค้างอยู่ ไม่ย้ายค่ายเพราะสะดวกในการชำระคืนด้วยบริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ต แถมยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีด้วย

            ใบที่สอง UOB บัตรใบนี้เพิ่งถูกผมนำกลับมาใช้มากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงนี้บัตรนี้เขามีโปรโมชั่น cash back คือคืนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิต 3% สำหรับค่าน้ำมันทุก ๆ 800 บาทต่อสลิป (เฉพาะปั๊มที่ร่วมรายการ) ทุกครั้งที่ผมเติมน้ำมันในปั้มที่ร่วมโปรโมชั่นกับค่ายนี้ ผมจะได้เงินคืน 24 บาทเป็นอย่างน้อย ดังนั้นถ้าทางผ่านมีปั้มยี่ห้อนั้นแล้วผมต้องเติมน้ำมัน บัตรเครดิตใบนี้ก็จะถูกหยิบมาใช้เสมอ

            ใบที่สาม Krungsri HomePro บัตรใบนี้เป็นบัตรร่วมระหว่างสองบริษัท แรกเริ่มเดิมทีผมทำบัตรนี้เพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ถ้าจำไม่ผิด เขาลดให้ 3% แม้ช่วงนี้จะไม่ได้ใช้เพราะภารกิจดังกล่าวเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ยังพกอยู่ เพราะนอกจากฟรีค่าธรรมเนียมรายปีแล้ว ค่ายนี้กำลังเริ่มรุกตลาดมากขึ้น ช่วงนี้เห็นโฆษณาใช้บัตรแล้วได้พบสาวต่างดาวด้วย น่าใจสนมิใช่น้อย

            น้องที่ผมรู้จักคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ถ้าใช้บัตรนี้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วงโปรโมชั่นของห้างพลังซื้อ (แปลจากภาษาอังกฤษอีกทีครับ) อาจได้ส่วนลดถึง 8% ว้าว.... เข้ากับแผนการซื้อกระดานชนวนรุ่นใหม่พอดีเลย แต่รอก่อนนะครับ ! รอออมเงินให้ได้ตาม "กฎการใช้เป็น" ข้อหนึ่งก่อน ฮา...

            แม้ในตลาดจะมีบัตรเครดิตบางค่ายที่โปรโมชั่นดีกว่านี้ แต่ผมก็ไม่ย้ายค่าย ไม่ใช่ว่าสามบัตรนี้ดีกว่าเพื่อน หรือผมมีสิ่งที่นักการตลาดเรียกว่าแบรนด์รอยัลตี้ แต่ผมไม่อยากถือบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ เพราะมันยุ่งวุ่นวายตอนชำระคืน แต่ละค่ายเขามีช่องทางการชำระเงินและกำหนดการชำระที่ต่างกัน จะให้ผมถือไปจ่ายที่ร้ายสะดวกซื้อก็คิดค่าธรรมเนียมผมอีก หลายบัตรก็หลายบาท อาจไม่คุ้มก็ได้ ดังนั้นผมจึงหันมาใช้บัตรที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์มากสุด บัตรใบไหนดูแล้วไม่ถูกใจก็จะถูกเก็บ หรือหากไม่ใช้จริง ๆ ก็จะถูกยกเลิกไป เรื่องการเพิ่มบัตรใหม่ ๆ ตอนนี้ยังไม่อยู่ในความคิดครับ แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้หากมีโปรโมชั่นที่โดนใจจริง ๆ ก็อาจเปลี่ยนใจได้ แหม... คนนะ ไม่ใช่อิฐหรือปูน !!

            ล่าสุดมีผู้ส่งอีเมลมาชวนผมให้พิจารณาบัตรเครดิตซึ่งเป็นบัตรร่วมระหว่างสถาบันการเงินมีชื่อแห่งหนึ่ง กัน Royal Orchid Plus ที่เป็นแคมเปญการตลาดของการบินไทย มาดูกันครับว่าจะบัตรนี้จะโดนใจตาหนุ่มหรือไม่ ช่วงนี้เขามีโปรโมชั่นหรือสิทธิประโยชน์เด่น ๆ มีดังนี้ครับ (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2555)

              แจกไมล์ประเดิม รวมกว่า 5,500 ไมล์ …ว้าว ให้กันง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ ?

              สะสมไมล์กับ Royal Orchid Plus จากยอดการใช้จ่ายผ่ายบัตรทุก 20 บาทจะได้ 1 แต้ม สามารถนำแต้มที่ได้นี้ไปแลกไมล์ เพื่อเอาไมล์นี้ไปแลกตั๋วเครื่องบินฟรีจากการบินไทยอีกทีหนึ่ง …อู้ฮู แลกตั๋วบินฟรีได้ไว้ขึ้นสิ

              ฟรี กระเป๋าเดินทาง "Caggioni" ขนาด 28 นิ้ว เมื่อใช้จ่าย 20,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วัน หลังจากการเปิดใช้บัตร  …น่าใช้อ่ะ ใบใหญ่ใส่ของเดินทางไปต่างประเทศสบายเลย

              ลุ้นตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น รับ 5 สิทธิ์สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตรผ่านช่องทางเว็บไซต์ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรครบทุก 1,000 บาทต่อเซลล์สลิป (โดยไม่ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมรายการทาง SMS) …อืม ได้ลุ้นของรางวัลอีกด้วย จะได้บินฟรีไปญี่ปุ่นไหมน้า

              ใช้บริการห้องรับรองระหว่างรอขึ้นเครื่องบินของการบินไทยได้ฟรี …โอว คงไม่มีใครคิดจะสาดกาแฟใส่นะ

              คืนเงินเข้าบัญชี 5% เมื่อใช้บัตรจ่ายค่าใช้จ่ายพวกโรงแรม ร้านอาหาร …อ่าฮ่า ใช้เที่ยวบ้างกินบ้าง ยังได้เงินคืน

              คืนเงินเข้าบัญชี 3% เมื่อใช้บัตรจ่ายค่าเช่ารถระดับชาติ เช่น AVIS, Hertz, Budget …บรื้น ๆ บินไปแล้วขับรถเที่ยวต่อก็ดีเหมือนกันนะ

              ส่วนลดร้านค้าในกลุ่มที่ร่วมรายการ ...ฮริ้ว แบบนี้ขาช้อปน่าจะชอบ 

            สิทธิประโยชน์มากมายจริงเชียว เล่นเอาผมคิดหนักอยู่เหมือนกันว่าจะทำบัตรใบนี้เพิ่มอีกดีหรือไม่ มันน่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องเดินทางด้วยสายการบินไทยบ่อย ๆ นักเดินทาง ขาช้อปทั้งหลาย เพราะจะได้ประโยชน์ส่วนเพิ่มจากโปรโมชั่นของบัตร ทั้งไมล์สะสม ของรางวัล เงินคืนเข้าบัญชี ฯลฯ

            ผมเชื่ออยู่เสมอว่า แม้เราจะมีบัตรเครดิตสักกี่ใบก็ตาม มันจะไม่สร้างปัญหาให้เราเลย ถ้าเรารู้จักพอเพียง ใช้เป็น (รู้จักควบคุม ใช้ให้ถูกทาง ชำระตรงเวลา ไม่สะสมหนี้) หันมาใช้ให้เป็นและใช้จุดดีของมันให้เกิดประโยชน์ดีกว่าครับ


ด้วยความปรารถนาดี
สุมน จักษ์เมธา








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บัตรเครดิต...แค่บัตรสร้างหนี้ หรือจริง ๆ ก็มีข้อดีเหมือนกัน อัปเดตล่าสุด 11 พฤศจิกายน 2556 เวลา 18:44:08
TOP