x close

ยิ่งออมมากยิ่งมีมาก เคล็ดลับเพิ่มเงินในกระเป๋า ใน 30 วัน

ยิ่งออมมากยิ่งมีมาก เคล็ดลับเพิ่มเงินในกระเป๋า ใน 30 วัน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          อยากเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ ต้องทำอย่างไรกัน แล้วเงินของเราไปจมอยู่ที่ไหนกันหมด มาฝึกนิสัยการใช้เงินของคุณเสียใหม่ ด้วยการตรวจสอบเงินของคุณ พร้อมวิธีทำให้เงินงอกเงย

          ไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีเงินในกระเป๋ามากขึ้นทั้งนั้น แต่เคยสังเกตไหม ว่าทำไมกัน เงินของเรามันจึงไม่เคยมีเพียงพอต่อความต้องการใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือเก็บออมให้ครบตามเป้าหมายของเราเลย บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเงินของเรามันถูกใช้ไปกับอะไรเสียหมด หรือบางครั้งแม้จะรู้แต่เราก็ไม่สามารถที่จะเก็บออมเงินของเราได้อยู่ดี

          แต่ในวันนี้ ด้วยคำแนะนำจาก เว็บไซต์ men\'s health ที่ได้ชี้ให้ชาวอเมริกัน ได้เห็นถึงปัญหาว่าแต่ละคนนำเงินของตัวเองไปทิ้งไว้ที่ไหนบ้าง และแนะช่องทางในการออมเงินให้มากขึ้น รับรองว่าคุณจะต้องเกิดไอเดีย และแนวทางในการเพิ่มเงินในกระเป๋าของคุณได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

เคล็ดลับเพิ่มเงินในกระเป๋า ใน 30 วัน

วันที่ 1

          สิ่งที่ต้องทำ : ทำรายการบันทึกค่าใช้จ่าย

          นี่คือภารกิจแรกที่คุณจะต้องทำ ด้วยการบันทึกความเคลื่อนไหวของเงินทุก ๆ บาท ที่คุณใช้ ตรวจสอบรายรับของตัวเอง และดูว่าคุณมีใบเสร็จจากบัตรเครดิตเท่าไหร่ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าเงินของคุณไปอยู่ที่ไหนบ้าง และจดบันทึกทุกอย่างในสมุดรายรับ – รายจ่าย ของคุณ

วันที่ 2

          สิ่งที่ต้องทำ : เก็บฝันของคุณไว้ซะ

          ในตอนที่เราตั้งใจจะเก็บเงิน เรามักจะคิดฝันถึงเป้าหมายอันแสนยิ่งใหญ่ว่าจะใช้เงินเหล่านั้นเพื่อทำอะไรเสมอ เช่น ฝันว่าจะนำไปซื้อรถ อยากใช้เงินไปท่องเที่ยวในวันหยุดกับครอบครัว หรือสะสมเงินไว้เป็นค่าเทอมให้ลูก ๆ ที่กำลังอยู่ในวัยเรียน แต่หากว่าคุณมัวแต่รีรอและต้องการคำนวณเป้าหมายในการเก็บเงินที่แน่นอนเสียก่อน เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่สามารถเก็บเงินได้เลย

          ดังนั้น ดร.แดน อาร์เรียลี แห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก ผู้เขียนหนังสือ "พฤติกรรมพยากรณ์” จึงแนะนำว่า ในการเริ่มต้นของวันนี้ อย่าไปคิดถึงว่าคุณจะต้องเก็บเงินอีกเท่าไหร่จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายของคุณได้ แต่ให้ลองประมาณจำนวนเงินที่มากที่สุดเท่าที่คุณจะฝากได้ในแต่ละเดือน เพื่อที่จะดูได้ว่าจริง ๆ แล้วคุณจะมีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่กันแน่ 

          จากนั้นตั้งค่าการชำระเงินอัตโนมัติจากเงินเดือนของคุณ แต่ถ้าคุณต้องการใช้เงินสดมากขึ้น คุณก็ต้องปรับการใช้เงินเสียใหม่ แต่ในระหว่างนั้น ก็อย่าลืมเก็บสะสมเงินไว้เผื่อวันข้างหน้าด้วย

          ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผลน่ะหรือ การชำระเงินอัตโนมัตินั้นไม่เพียงแค่ช่วยให้เก็บเงินได้ง่ายขึ้น แต่มันยังช่วยลดความอยากในการใช้เงินของเราด้วย เพราะเราจะเกิดความคิดมากขึ้นว่าจะใช้หรือไม่ใช้เงิน จากนั้นก็อาศัยในความมีวินัยของคุณเองเพื่อยับยั้งความต้องการใช้บัตรเครดิต

วันที่ 3

          สิ่งที่ต้องทำ : ย้ายเงินเก็บของคุณ มาไว้ยังบัญชีที่ทำเงินได้มากกว่า

          แดน คนดูรา นักวางแผนด้านการเงินที่ได้รับการรับรองจากเพนนีทรี แอดไวเซอร์ แห่งแมสซาซูเซต กล่าวว่า อย่าเก็บเงินของคุณไว้เฉย ๆ  เพราะนั่นเป็นการปล่อยเงินของคุณให้แช่ทิ้งไว้ และไม่ได้ทำเงินจากดอกเบี้ยเงินฝากได้เลย นอกจากนี้ ให้ลองตรวจสอบเงินสะสมที่เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฝากเงินแบบประจำ 6-9 เดือน ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป

วันที่ 4

          สิ่งที่ต้องทำ : เพิ่มจำนวนเงินทุนฉุกเฉินของคุณ

          ในระบบเศรษฐกิจที่มีความผันผวนเช่นนี้ คุณควรมีเงินค่าใช้จ่ายสำรองไว้อย่างน้อย 6 เดือนเผื่อกรณีที่คุณถูกเลย์ออฟจากงาน โดยเริ่มจากการประหยัดเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการจ่ายบิลแต่ละครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ถ้าคุณต้องการตัวเลขของเงินสำรองเงินที่แน่นอน ก็เริ่มจากการเก็บเงิน 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ของคุณมาไว้ในกองทุนฉุกเฉิน จนกระทั่งเงินที่เก็บไว้นั้นมีมูลค่าเท่ากับรายได้ 6 เดือนแล้ว ก็จัดการเคลียร์หนี้สินของคุณให้หมด แล้วค่อยเก็บเงินต่อไป

วันที่ 5

          สิ่งที่ต้องทำ : ทำงบประมาณให้สมดุล

          ระหว่างนั้นให้คุณกินอยู่อย่างสมถะ ว่ากันว่าคนที่ขาดความเชื่อมั่นทางการเงินมักจะตัดสินใจอย่างดีที่สุดในการใช้เงินของพวกเขา และจากการศึกษาหนึ่งพบว่า เมื่อบุคคลหนึ่งบอกคนอื่นว่าขัดสนงบประมาณ เขาจะคิดว่าเขาใช้จ่ายเงินมากเกินไป แม้ว่าคนจะบอกว่าเงินที่เขาใช้เป็นค่าใช้จ่ายปริมาณปกติก็ตาม

วันที่ 6

          สิ่งที่ต้องทำ : ลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของคุณให้เหลือน้อยที่สุด

          ก่อนอื่นให้เริ่มจากย้ายการใช้จ่ายทุกอย่างของคุณไปใช้ในบัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด จากนั้นเมื่อคุณชำระค่าบัตรเครดิตของงวดนั้นแล้ว ให้โทรศัพท์ติดต่อบริษัทที่คุณสมัครบัตรเครดิตใบอื่น ๆ และบอกกับพวกเขาว่าคุณต้องการที่จะยกเลิกบัตรเครดิต เพราะคุณเจอบัตรที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า แน่นอนว่าหลังจากนั้น พวกเขาก็มักจะขอต่อรองกับคุณ โดยที่คุณจะถือไพ่เหนือกว่า

          ระหว่างนั้น ให้คุณหยุดจากใช้บัตรเครดิตสัก 2 สัปดาห์ และใช้จ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น โดย ดร. ชิพ เฮลท์ ศาสตราจารย์ ด้านการจัดการพฤติกรรม แห่งมกาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด เผยว่า การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต จะไม่ได้ทำให้สมองของผู้ใช้ตระหนักว่าเขากำลังใช้จ่ายเงิน ซึ่งตรงข้ามกับการใช้จ่ายด้วยเงินสด นั่นทำให้การเปลี่ยนมาใช้เงินสดจะทำให้คุณสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่าเงินแต่ละบาทนั้นกำลังค่อย ๆ ไหลออกไปจากมือคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรจะรู้สึกในตอนที่ใช้เงิน

วันที่ 7

          สิ่งที่ต้องทำ : เก็บเงินค่าบัตรสมาชิกยิมของคุณไว้ซะ

          ดร.สเตฟาโน เดลลา วิกนา ผู้ศึกษาเรื่องการสมัครสมาชิกสถานที่ออกกำลังกาย (ฟิตเนส) มากกว่า 7,000 แห่ง ตลอด 3 ปี ได้กล่าวไว้ว่า ก่อนที่คุณจะจ่ายเงินสดเพื่อเข้าคอร์สออกกำลังกายตลอด 1 เดือน ให้หยุดถามตัวคุณเองก่อนว่า ระหว่างการที่คุณซื้อคอร์สออกกำลังกาย กับการที่คุณจ่ายเงินในแต่ละครั้งที่ไปเล่น สิ่งไหนคุ้มกว่ากัน เพราะยิมทั้งหลายมักจะเก็บค่าสมาชิกเยอะกว่าที่คุณควรจะจ่ายตามความเป็นจริง แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าหากสมัครสมาชิกแล้วจะคุ้มหรือไม่ ให้คุณลองคิดตามนี้

          1. เขียนราคาสมาชิก คอร์สตลอด 1 เดือน

          2. คำนวณดูว่าในการเข้ายิมเป็นครั้ง ๆ ไป มีค่าใช้จ่ายครั้งล่ะเท่าไหร่

          3. ลองประมาณว่าในเดือนถัดไป คุณจะไปยิมสักกี่วัน

          ถ้าค่าสมาชิกทั้งคอร์ส หารด้วยครึ่งหนึ่งของจำนวนวันที่คุณคาดว่าน่าจะไป มีราคาสูงกว่าการจ่ายเงินทีละครั้ง การจ่ายเงินเป็นครั้ง ๆ ในตอนที่ไปเล่น น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หรือเผลอ ๆ การซื้อเครื่องออกกำลังกายเหล่านั้นมาไว้ที่บ้านเลย อาจจะมีราคาถูกกว่าการจ่ายค่าสมาชิกตลอดปีก็ได้

วันที่ 8

          สิ่งที่ต้องทำ : โละเครื่องประทินโฉมของคุณออกซะ

          หากคุณกำลังสูญเงินไปกับผลิตภัณฑ์อาบน้ำของคุณ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการโยนเงินลงท่อระบายน้ำเล่น แถมถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมากเกินไปก็จะเป็นผลเสียต่อผิวของคุณอีกด้วย จากข้อมูลของแพทย์ผิวหนังจากแมนแฮตตัน ได้ระบุว่า การบำรุงผิวที่มากจนเกินไป จะกลับทำอันตรายต่อผิวของคุณแทน ดังนี้

          เจลอาบน้ำ : อาจทำร้ายผิวของคุณ ให้ระคายเคือง และทำให้เกิดสิวขึ้นบริเวณรูขุมขน

          แชมพู : การใช้แชมพูมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการคันและผมหลุดร่วง เนื่องจากผมของคุณ ได้ถูกรีดน้ำมันตามธรรมชาติไปหมดแล้ว

          ครีมนวดผม :  ครีมนวดผมส่วนเกินจะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีและจะทำให้ผมบางลง

          ครีมโกนหนวด : หากทาครีมหนาเกินไปจะต้องใช้มีดโกนหลายครั้ง ซึ่งจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง

          ครีมอาบน้ำ : หากใช้มากเกินไป ผิวของคุณเสี่ยงที่จะแห้ง คัน และระคายเคือง

วันที่ 9

          สิ่งที่ต้องทำ : หั่นใบสั่งยาให้เหลือเพียงครึ่งเดียว

          สำหรับวิธีนี้อาจใช้ได้แค่เฉพาะกับผู้ป่วยบางโรคเท่านั้น โดยถามแพทย์ของคุณว่ายาที่สั่งให้คุณนั้นจะออกฤทธิ์เหมือนเดิมไหมหากคุณตัดยาเหลือเพียงครึ่งเม็ด เพราะในแผงยาที่มีปริมาณยาเพิ่มเป็น 2 เท่า บริษัทยามักจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกินกว่าปกติ  การใช้อุปกรณ์แบ่งครึ่งยาจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ไม่ต่ำกว่า 30 บาท มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า การใช้ยาเพียงครึ่งเม็ด จะมีผลเทียบเท่ากับการทานยาที่มีประมาณยาต่ำทั้งเม็ด

วันที่ 10

          สิ่งที่ต้องทำ : สมัครบัญชีเพื่อการเกษียณอายุอิสระ (Roth IRA)

          ถ้าคุณมีสิทธิ์สมัครบัญชีเพื่อการเกษียณอายุ แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียน วันนี้เป็นวันที่คุณจะต้องลงทะเบียนแล้ว เพราะมันจะทำให้คุณจะสามารถจ่ายภาษีของเงินที่คุณเก็บไว้สำหรับตอนเกษียณอายุได้ในตอนนี้เลย เพราะเมื่อวันนั้นมาถึงคุณก็จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินอีก ซึ่งสำหรับภาษีก้อนนั้นจะดูเป็นเงินไม่มากในตอนนี้ แต่มันจะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่อย่างแน่นอนหากคุณอยู่ในวัยเกษียณ แต่ถ้าคุณมีบัญชีเพื่อการเกษียณอายุอยู่แล้ว คุณก็สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็น บัญชีเพื่อการเกษียณอายุอิสระได้เช่นกัน

วันที่ 11

          สิ่งที่ต้องทำ : จัดลำดับความสำคัญในหนี้สินของคุณ

          หากว่าคุณมีหนีสิ้นอยู่หลายก้อนที่ต้องชำระ ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรืออื่น ๆ ขอแนะนำให้คุณนำเงินไปชำระค่าผ่อนบ้านเสียก่อน นั่นเพราะถ้าลองสมมติว่าคุณมีบ้านราคา 7.5 ล้านบาท ที่คุณต้องผ่อนนาน 60 ปี โดยมีดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.5 %  และคุณยังต้องผ่อนรถมูลค่า 7 แสนกว่าบาท เป็นเวลา 5 ปี ด้วยดอกเบี้ย 8% การใช้เงิน 29,000 บาทมาชำระค่าบ้านก่อนนั้น จะทำให้คุณสามารถประหยัดเงินได้มากกว่าการนำเงินไปชำระค่ารถถึงเกือบ 2 แสนบาทเลยทีเดียว นั่นเพราะแม้ว่าดอกเบี้ยในการผ่อนรถจะสูงกว่า แต่คุณต้องไม่ลืมว่าเงินต้นที่ต้องชำระค่าบ้านนั่นสูงกว่าค่ารถมากนัก การลดเงินต้นในส่วนนั้จึงลดปริมาณเงินที่คุณต้องจ่ายไปได้มากตาม

วันที่ 12

          สิ่งที่ต้องทำ : ลับทักษะการต่อราคาของคุณ

          โดยเริ่มจากร้านค้าเล็ก ๆ ที่เหมาะจะเป็นเวทีในการต่อราคาของคุณ ซึ่งร้านค้าเล็ก ๆ นั้นมักจะเหมาะแก่การต่อราคา มากกว่าร้านใหญ่ ๆ เพราะร้านค้าขนาดใหญ่มักจะมีการเพิ่มราคาขึ้นไปไม่มากนัก จากนั้นให้คุณทำตามวิธีดังต่อไปนี้

          1. ไปถึงร้านพร้อมกับข้อมูลราคาของร้านอื่น ๆ ที่ขายสินค้าเดียวกันเพื่อเป็นการกระตุ้นคนขายให้ทราบว่าคุณสามารถเดินไปซื้อสินค้าจากร้านอื่นก็ได้

          2. เริ่มพูดด้วย "ฉันชอบราคานี้นะ แค่เราจะทำยังไงกับราคานี้ได้บ้าง"

          3. ให้คุณเสนอซื้อสินค้าหลาย ๆ ชิ้น เพื่อขอส่วนลดจากพวกเขา ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แม่ค้าขายของได้มากขึ้น แถมคุณก็ยังประหยัดเงินอีกด้วย

          4. บอกพวกเขาว่าคุณเป็นลูกค้าประจำของร้าน โดยอาจจะนำใบเสร็จเก่า ๆ ทั้งหลายที่คุณเคยซื้อจากร้านไปแสดงด้วย ก่อนถามหาส่วนลดเงินสด คุณอาจจะได้รับส่วนลดประมาณ 10% แม้ว่าการต่อรองของคุณอาจจะเป็นเรื่องที่ใช้ลูกเล่นกับพนักงานขายเหล่านั้นอยู่บ้างก็ตาม

          5. ในกรณีที่คุณซื้อสินค้าจากตัวแทนขายของบริษัท ถ้าคุณรู้สึกชอบสินค้าและข้อเสนอของเขา ก็ขอบคุณที่เขาสละเวลามาและให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณแก่พนักงานขาย บอกเขาให้โทรหาคุณหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงกับข้อเสนอ และเดินจากไป คุณจะได้รับข้อเสนอที่ดีหรือไม่ก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อกลับมาในวันถัดไปแน่

วันที่ 13

          สิ่งที่ต้องทำ : ลดการคุยโทรศัพท์

          1. ลองค้นดูว่า คุณเป็นลูกค้าที่ใช้เครือข่ายนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว และใช้โทรศัพท์มากขนาดไหน ในตอนที่คุณโทรไปแผนกบริการลูกค้า ให้คุณกล่าวว่า คุณชอบเครือข่ายนี้และต้องการใช้บริการต่อ

          2. อย่าเรียกร้องขอส่วนลด เพราะการแสดงให้เห็นจุดประสงค์เช่นนั้น เพราะสำหรับบางคนแล้วมันอาจจะเป็นการยั่วให้เขาเกิดความไม่พอใจ หรืออาจจะเป็นการโน้มน้าวให้เขาคล้อยตามก็ได้

          3. เลี่ยงการใช้คำว่า "คุณต้องอย่างนั้น คุณต้องอย่างนี้" เพราะเขาอาจปฏิเสธคุณได้ คุณต้องพยายามสร้างความเป็นมิตรให้เสมอ และเรียกชื่อของพนักงานที่คุณกับคุณอยู่

          4. ถ้าพนักงานยังคงปฏิเสธ ให้คุณขอพูดกับผู้จัดการ โดยคุณต้องขอพูดกับผู้จัดการก่อนที่พนักงานจะรำคาญ จนผู้จัดการมาเป็นคนพูดกับคุณเองในตอนที่คุณเป็นฝ่ายตั้งรับ

          5. ขู่เขาว่าจะยกเลิกบริการ ซึ่งผู้จัดการก็มักจะเสนออัพเกรดบริการให้แก่คุณ

วันที่ 14

          สิ่งที่ต้องทำ : เรียนรู้ว่าจะซื้อของจากที่ไหน

          การเลือกซื้อที่ฉลาดสามารถทำให้ประหยัดเงินได้มาก และนี่คือวิธีในการตามหาการสินค้าที่ดี โดยไม่ต้องใช้คูปองส่วนลด

          ที่ร้านอาหาร

          สั่งอาหารเรียกน้ำย่อย เพราะนอกจากจะช่วยลดปริมาณการบริโภคแคลอรี่ของคุณแล้ว ยังทำให้ท้องอิ่ม แถมประหยัดเงินอีกด้วย

          ที่ร้านขายอุปกรณอิเล็กทรอนิกส์

          เดินดูไปรอบ ๆ ร้าน และภายในร้าน ด้านขวา ของประตูร้าน มักจะมีรายการสินค้าที่ขายดีมาตั้งแสดงอยู่แล้ว

          ที่ร้านขายเสื้อผ้า

          เดินไปที่มุมของร้าน ร้านค้าปลีกมักจะวางของที่ลดราคามากที่สุดไว้ในมุมลึกลับที่อยู่ไกล ๆ ของร้าน

          ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต

          เลี่ยงการเดินดูของที่อยู่บริเวณสุดทางเดินแต่ละช่อง เพราะข้าวของพวกนั้น มักจะไม่ค่อยลดราคา

วันที่ 15

          สิ่งที่ต้องทำ : เพิ่มค่าตัวของคุณซะ

          พวกลูกจ้างมักจะขอการขึ้นเงินเดือนจากนายจ้างบ่อยครั้ง แต่สำหรับผู้ที่ทำอาชีพอิสระมักจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว และถ้าคุณมีอาชีพอิสระ ก็ควรเพิ่มเงินอัตราค่าจ้างของตัวคุณเองซะถ้าคุณไม่เคยเพิ่มค่าจ้างให้ตัวเองมาตลอด 6 เดือน โดยเขียนจดหมายที่ไปยังผู้ติดต่อแต่ละรายของคุณ และบ่นให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับค่าต้นทุนในธุรกิจที่เพิ่มขึ้น

          แน่นอนว่าพวกเขาเกินครึ่งจะไม่สนใจการขอขึ้นค่าจ้างของคุณ แต่ในไตรมาสอื่นลองพยายามเจรจาต่อรองอีกครั้ง พยายามประนีประนอม แม้บางคนจะขู่ว่าจะไม่ร่วมงานกับคุณอีก แต่คุณก็ต้องพยายาม และแสดงความปรารถนาของคุณที่อยากจะทำธุรกิจร่วมกับพวกเขาต่อ โดยที่ไม่ยอมละทิ้งข้อเสนอขอขึ้นค่าจ้างของคุณ พวกเขาจะยอมคุณในที่สุด หากว่าเขารู้สึกยินดีกับผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ

วันที่ 16

          สิ่งที่ต้องทำ : จัดหาทีมงานของคุณ

          หากว่าคุณก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับมืออาชีพของการทำงานแล้ว คุณจำเป็นต้องมีทีมงานระดับผู้เชี่ยวชาญมาจัดการเงินของคุณ และนี่คือบุคคลที่คุณต้องการให้เขามาอยู่เคียงข้าง

          1. นักบัญชี ซึ่งต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่พนักงานชั่วคราว เขาจะจัดหาแผนงานให้คุณกับลูกค้า และยินดีที่จะเป็นตัวแทนของคุณต่อกรมสรรพากร

          2. ทนายความ ทนายความที่ดีต้องมีการตัดสินใจที่ดีและคุ้มค่าแก่คุณ ทั้งยังต้องเป็นผู้ฟังดีที่ ให้คุณลองสังเกตดูว่าทนายความของคุณตอบคำถามของคุณได้ตรงประเด็นหรือไม่ด้วย

          3. ที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะเป็นเหมือนครูฝึกสำหรับการใช้ชีวิตในโลกของการเงิน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เลือกที่ปรึกษาทางการเงินจากกลุ่มผู้ที่มีใบอนุญาต และมีการดำเนินงานที่ชัดเจน เขาควรจะให้คำแนะนำเรื่องต่าง ๆ อย่างง่าย ๆ และพูดในสิ่งที่คุณเข้าใจ

วันที่ 17

          สิ่งที่ต้องทำ : เรียนรู้ที่จะลดแรงกระตุ้นในการซื้อสินค้า

          ถ้าคุณกำลังอยากที่จะซื้อของอย่างมาก และต้องซื้อในตอนนี้เลย คุณต้องเรียนรู้ที่จะข่มใจเอาไว้ โดยอย่าตัดสินใจเรื่องสำคัญในตอนที่คุณเครียดหรือเหนื่อย ให้เวลาตัวเองสักหน่อยหากจะซื้อสินค้าที่มีราคาสูง เช่น ตั้งกฎกับตัวเองว่า ให้รออย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อจะซื้อของที่มีราคามากกว่า 5,000 บาท เป็นต้น

วันที่ 18

          สิ่งที่ต้องทำ : นำปฏิทินออกมาวงวันที่คุณจะขอขึ้นเงินเดือน

          การขอขึ้นเงินเดือนไม่ใช่วิธีที่ง่ายนัก แต่มันเป็นวิธีแน่นอนที่จะได้เงินเพิ่ม ซึ่งถ้าคุณเป็นพนักงาน ที่ทำงานหนัก คุณคงไม่มีเวลาที่จะวางกลยุทธ์เกี่ยวกับเงินเดือนของคุณนัก

          สำหรับการขอขึ้นเงินเดือนนั้น หลายคนคงคิดว่าสิ่งที่คุณทุ่มเทให้กับบริษัทคงจะเป็นที่ประจักษ์ที่เจ้านายเสมอ แต่ในความเป็นจริง เจ้านายของคุณมักจะลืมผลงานของคุณไปแล้ว และนั่นก็เป็นหน้าที่ของคุณเองที่จะเตือนเขาถึงสิ่งเหล่านั้น โดยทำรายการที่มีรายละเอียดเฉพาะ เช่น งานไหนที่คุณทำได้สำเร็จ และมุ่งเน้นว่าคุณสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้อย่างไร ขณะที่คุณต้องตัดค่าใช้จ่ายในธุรกิจไปพร้อมกัน ต้องเน้นว่าคุณช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างไรบ้าง หรือ มีการพัฒนากลยุทธ์ในการทำงานใหม่ ๆ อะไร

          นอกจากนี้ให้ลองค้นหาดูว่า ในสายอาชีพของคุณนั้นควรจะได้รับเงินเดือนเท่าไหร่ เพราะมันยังแสดงให้คุณเห็นว่า มีบริษัทอื่นที่ต้องการจะจ่ายให้คุณถ้าคุณออกมาทำงานกับเขา และยังทำให้เจ้านายของคุณต้องคิดว่า เขาจะต้องเสียเวลาทำอะไรบ้างในการที่จะหาคนมาแทนที่คุฯหากคุณออกจากงานไป

วันที่ 19

          สิ่งที่ต้องทำ : เก็บเงินของคุณไว้ในบัญชีธนาคาร

          มันไม่มีประโยชน์ถ้าคุณจะทิ้งเงินที่เกินจำนวนที่คุณต้องการใช้ไว้ในบัญชีเงินเดือน ให้คุณนำเงินไปไว้ในบัญชีเงินออมที่มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า คุณก็จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

วันที่ 20

          สิ่งที่ต้องทำ : รีไฟแนนซ์บ้านของคุณ

          ด้วยการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อไปใช้คืนเงินกู้ก้อนเก่าที่คุณใช้ซื้อบ้านของคุณ โดยการมองหาแหล่งเงินกู้ก้อนใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าก้อนเก่า วิธีนี้จะทำให้เราสามารถลดเงินต้นได้เร็วขึ้น และจะเสียค่าดอกเบี้ยน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากจำนวนเงินที่ต้องผ่อนคืนในแต่ละเดือนมีจำนวนน้อยลง และด้วยวิธีนี้ คุณยังจะสามารถชำระค่าบ้านของคุณให้หมดได้เร็วขึ้นด้วย

วันที่ 21

          สิ่งที่ต้องทำ : คิดไอเดียเจ๋ง ๆ เพื่อหารายได้เสริมจากบล็อกของคุณ 

          มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ในการหารายได้เสริมในวันนี้ แต่ถ้าคุณมีบล็อกของตัวเอง คุณก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นแล้วที่จะได้เงินที่มากขึ้นมาอย่างง่าย ๆ และคุณต้องคิดว่าจะดึงดูดผู้คนอย่างไร ให้พวกเขาหัวเราะและเข้ามาหาคุณ

          เพราะการโฆษณาสินค้าที่ดีนั้นจำเป็นจะต้องมีผู้พบเห็นจำนวนมาก ดังนั้นเหยื่อล่อที่ดีที่สุดของคุณคือทำให้บล็อกของคุณดูตลก ซึ่งคุณไม่ต้องโพสต์ทุก ๆ วัน เพื่อที่จะรักษายอดผู้ติดตาม ในทางกลับกัน คุณสามารถสร้างกระทู้ที่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ก็ได้

          และหากคุณสามารถมีผู้ติดตามได้เป็นล้าน ก็สามารถใส่โฆษณาสินค้าของคุณได้โดยตรงเลย และในตอนที่โปรโมทบล็อกใหม่ของคุณ ให้ใช้คำว่า พวกคุณต้องไม่พลาดสิ่งนี้ มากระตุ้นให้แฟนบล็อกของคุณคลิกเข้าไปดู


วันที่ 22

          สิ่งที่ต้องทำ : ลงทุนในตลาดหุ้น

          สำหรับคนที่เกษียณมาไม่ต่ำกว่าสิบปี การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มความมั่งคั่งให้ได้มากที่สุด แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนมากจะไม่สามารถเลือกตลาดที่เหมาะกับการลงทุนได้ เพราะพวกเขามักจะขายมันในราคาที่ถูกเกินไป เนื่องจากขายหุ้นตอนที่หุ้นตก และซื้อหุ้นตอนที่หุ้นขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณติดตามตลาดหุ้นรายวันจะพบว่ามันมีลักษณะเป็นลูกคลื่นที่มีขึ้นและมีลงอยู่ตลอดเวลา  บนจุดสูงสุดคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผลการดำเนินงานทั้งปี ให้จับตามองที่ยอดบนสุดของมันและขายมันทิ้งในขณะนั้น ก่อนที่จะกวาดซื้อมันตอนที่หุ้นอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดของคลื่น เพราะมันคือวิธีที่สุดที่จะตักตวงกำไรจากตอนที่หุ้นขึ้น

วันที่ 23

          สิ่งที่ต้องทำ : คำนวณภาษีของคุณด้วยตัวเอง

          เบรย์อัน แชมป์ อาจารย์ด้านกฎหมายภาษี กล่าวว่า มีชาวอเมริกันถึง 2 ใน 3 ที่จ่ายเงินเพื่อจ้างมืออาชีพมาคำนวณภาษีให้ตัวเอง แต่การคำนวณภาษีส่วนมากนั้นเป็นเรื่องง่าย ๆ ซึ่งถ้าคุณทำมันด้วยตัวเองก็จะเสียเงินน้อยกว่า นอกจากนี้ในการตรวจสอบผู้เสียภาษีสามัญโดยรัฐบาลนั้นก็พบว่าภาษีที่ประชาชนไปจ้างคนมาคำนวณแทนก็ยังผิดพลาดเยอะมาก

          ทั้งนี้ คุณสามารถคำนวณภาษีด้วยวิธีการง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์หรือโปรแกรมคำนวณภาษีที่สามารถใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และที่เหลือก็แค่รอเงินคืนภาษีอยู่ที่บ้าน และอีกอย่างที่สำคัญคือ ระหว่างที่คุณกำลังคำนวณเงินภาษีของตัวเองนั้น จะทำให้คุณเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณเองได้ดีมากขึ้น

วันที่ 24

          สิ่งที่ต้องทำ : วางตางรางนัดหมายเจ้านายล่วงหน้า 2 สัปดาห์

          นั่นเพราะจะทำให้เจ้านายของคุณมีเวลาเหลือเฟือที่จะอ่านเอกสารของคุณ และยังทำให้เขาไม่สามารถอ้างได้ว่ายุ่งจนไม่มีเวลา สำหรับเวลาในการนัดหมายที่ดีที่สุดก็คือ กลางสัปดาห์  โดยเว้นวันจันทร์และศุกร์ไว้ และช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือ ก่อนเข้างาน เพราะมันจะช่วยแยกการนัดหมายของคุณออกจากงานในแต่ละวัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งในตอนนั้นคุณจะต้องทำให้ภาพลักษณ์และทัศนคติของคุณให้ดี ดูแลเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย เสื้อผ้าต้องไม่ยับ หวีผม ตัดเล็บ และต้องแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่จริงจังในการทำงาน ทั้งยังมีความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายของตัวเองด้วย

วันที่ 25

          สิ่งที่ต้องทำ : ลดการซื้อของในตอนที่คุณรู้สึกหดหู่

          การซื้อของทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นจริง ซึ่งนักจิตวิทยาจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ลอร์ริน โคราน ก็มักจะเรียกวิธีการนี้ว่า "การช้อปบำบัด" แต่ปัญหาอยู่ที่การบำบัดด้วยการซื้อของนั้นไม่ได้ให้ผลที่ดีเลย จากกลุ่มคนที่ทำการศึกษาส่วนมากบอกว่า ในตอนที่พวกเขากลับไปบ้านพร้อมกับของมากมาย ความหดหู่ ความกังวล หรือความเศร้า ที่เขาพยายามจะลืมไปจะกลับมาอีกครั้ง และมักจะเลวร้ายกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งหากคุณกำลังตกอยู่ในอารมณ์หดหู่ พยายามหันมาออกกำลังกายจะดีกว่า

วันที่ 26

          สิ่งที่ต้องทำ : หยุดแผนการเตรียมเงินจ่ายค่าเทอมมหาวิทยาลัยของลูกไว้ก่อน

          เรย์มอน โลวี เจ้าของโรงเรียนสอนด้านการวางแผนการเงินที่มาร์ลตันและนิวเจอร์ซี่ กล่าวไว้ว่า แม้ค่าเทอมมหาวิทยาลัยของลูกนั้นจะสูงไม่ใช่เล่น แต่อย่าเพิ่งรีบเก็บเงินสำหรับสิ่งนั้นในตอนนี้ เพราะเงินสำรองสำหรับตอนเกษียณของคุณย่อมสำคัญที่สุด และลูกของคุณสามารถขอทุนเพื่อเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ โดย เรย์มอน พยายามจะทำให้คุณมุ่งเป้าไปที่การเก็บเงินสำหรับตอนเกษียณอายุของคุณ พร้อมกับและมองหาช่องทางสนับสนุนทางการเงินจากมหาวิทยาลัยให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้

วันที่ 27

          สิ่งที่ต้องทำ : พยายามทำให้ตัวเองดูสูงขึ้น

          มีงานวิจัยในต่างประเทศเผยให้ทราบว่า คนที่ตัวสูงกว่ามีโอกาสได้รับระดับเงินเดือนที่สูงขึ้น แต่ถ้าคุณไม่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกแล้ว ก็พยายามทำตัวให้ดูสูงขึ้นซะ โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในฟอร์ริด้า และมหาวิทยาลัยในแคร์โรลีนเหนือ พบว่า ส่วนสูงนั้นช่วยเพิ่มเงินให้นิ้วละ 800 ดอลลาร์ในแต่ละปี นั่นหมายความว่า คุณจะต้องยืนขึ้นเมื่อเจ้านายของคุณนั่งลง โดยเฉพาะในตอนที่คุณกำลังพูด ให้สวมกางเกงขายาวทรงผอม ผูกเนกไทให้เลยแนวเข็มขัดของคุณเล็กน้อย และเพิ่มระดับความสูงของเก้าอี้ในออฟฟิศในตอนที่คุณต้องรับแขก ในขณะเดียวกันให้คุณสวมเสื้อคอต่ำ เพื่อที่คนจะสามารถมองมองเห็นคอของคุณมากขึ้น เท่านี้คุณก็จะดูสูงขึ้นกว่าที่เป็นจริงแล้ว

วันที่ 28

          สิ่งที่ต้องทำ : มองหาเอกสารการรับรองทักษะ

          ถ้าอยากเป็นที่นิยม คุณต้องยายามทำตัวให้ได้รับการรับรอง ในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น บัญชี การดูแลสุขภาพ หรือ ไอที คุณไม่จำเป็นต้องไปเรียนภาคค่ำ เพียงแค่เรียนเพิ่มทักษะบางอย่าง ก็จะสามารถเพิ่มเงินเดือนได้หลายระดับแล้ว เพราะเอกสารการรับรองนั้นมักจะทำให้ได้เงินเร็วกว่าการได้รับปริญญาขั้นสูง

          ทั้งนี้ ในแต่ละคนนั้นมีทักษะที่ไม่ซ้ำกัน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มีทักษะที่เป็นประโยชน์มากกว่าคนอื่น ๆ หาช่องทางของคุณและเพิ่มทักษะพิเศษให้แก่ตัวเอง แล้วเงินก็จะตามมา

วันที่ 29

          สิ่งที่ต้องทำ : ในตอนที่คุณอยากจะขายหุ้น ให้ซื้อมันให้มากขึ้นแทน

          ถ้าหุ้นของคุณกำลังติดกระแส สัญชาตญาณจะบอกให้คุณโยกเงินของคุณไปลงทุนในส่วนที่มีความผันผวนต่ำ เช่น พันธบัตร หรือกองทุนตลาดเงิน แต่นั่นเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะเมื่อตลาดดึงหุ้นขึ้นไปนานเป็นปี นี่จะเป็นช่วงที่ทำเงินจากหุ้นได้อย่างแท้จริง

          โดย วอร์เรน บัฟเฟทท์ เจ้าพ่อการลงทุน ได้อธิบายไว้ในรายงานประจำปีว่า  เบน สเตน กล่าวว่า ไม้ว่าหุ้นจะมีราคาต่ำหรือสูง มันก็คือความเป็นเจ้าของในบริษัทเดียวกัน ดังนั้นเมื่อบริษัทนั้นถูกขายในตลาดหุ้น มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะซื้อ และเมื่อเวลาที่หุ้นในตลาดพุ่งขึ้นสูง คุณจะถูกล่อล่วงให้ขายมันทิ้ง อย่าเพิ่งขาย ถ้าคุณทำการลงทุนทั้งหมดในบัญชีที่ได้รับความคุ้มครองทางภาษี ให้คงไว้ หรือเพิ่มเงินของคุณซะไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปอย่างไรก็ตาม

วันที่ 30

          สิ่งที่ต้องทำ : ประเมินความเสียหาย

          ในตอนนี้คุณก็ได้ติดตามเงินของคุณมากตลอดทั้งเดือนแล้วใช่ไหม ลองดูสิว่ามันไปอยู่ที่ไหน และถ้าคุณคิดว่าคุณมีแนวโน้มที่จะนำเงินไปทิ้งไว้กับเรื่องที่ไม่จำเป็นนัก นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ซ่อนอยู่ในการที่คุณไม่สามารถเก็บเงินได้ในเวลาที่ผ่านมา

          จากการศึกษาในนิตยสารด้านจิตวิทยาสังคม และวิทยาศาสตร์ส่วนบุคคล ของปี ค.ศ. 2011 แสดงให้เห็นว่าผู้คนใช้บัตรเครดิตเพื่อทำให้ตัวเองดูภูมิฐาน ยิ่งไปกว่านั้น จากการศึกษาของ ดร.ซาร่า เว็ดแมน นักจิตวิทยาคลินิก ยังพบว่า คนที่ไม่มีเงินจะมีความรู้สึกอับอาย ขณะที่คนมีเงินจะรู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้พวกเขาเกิดหนี้สิน และนี่จะทำให้คนเหล่านั้นยอมเป็นหนี้เพื่อเพิ่มความภูมิใจแก่ตัวเอง" และเมื่อย้อนดูข้าวของที่ซื้อมาในเดือนนี้แล้ว คุณต้องลองถามตัวเองดูว่า ที่จริงแล้วคุณกำลังพยายามซื้ออะไรอยู่กันแน่ ระหว่าง สิทธิพิเศษ หรือ อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ ผู้ร่ำรวยของคุณ

          และถ้าคุณกำลังเป็นอย่างนั้น ก็เลิกการสวมเสื้อผ้าตามกระแสเถอะ ทำตัวให้เยือกเย็น เลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่ใช่รุ่นล่าสุดที่กำลังได้รับความนิยม

          แม้ว่าในบรรดาทั้ง 30 ข้อนี้อาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับประเทศของเราทั้งหมดทุกข้อ แต่นี่ก็คือแนวทางที่น่าจะจุดประกายความคิดในการออมเงินของเราได้ ทั้งยังช่วยย้ำให้เห็นอีกว่าในการเก็บเงินของคุณควรจะเริ่มต้นจากสิ่งใด และจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณมีเงินออมมากขึ้น ซึ่งหากว่าคุณได้ลองทำตามวิธีทั้งหลายเหล่านี้ตั้งแต่ตอนนี้ รับรองว่าอีกไม่นานเงินในกระเป๋าของคุณจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจแน่นอนค่ะ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ยิ่งออมมากยิ่งมีมาก เคล็ดลับเพิ่มเงินในกระเป๋า ใน 30 วัน อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2556 เวลา 10:34:46 3,420 อ่าน
TOP