ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่ายปันผล-งดซื้อหุ้นคืน หวั่นเงินกองทุนทรุด ให้รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งจนกว่าจะจัดทำแผนบริหารจัดการเงินกองทุนใหม่ได้ชัดเจน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด 19 นั้น
ล่าสุดวันที่ 20 มิถุนายน 2563 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไร ดังนั้น การรักษาภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ทั้งนี้ ภูมิคุ้มกันที่สำคัญของธนาคารพาณิชย์คือ ระดับเงินกองทุน ที่เป็นกันชนรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว และความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังช่วยให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เมื่อโควิด 19 คลี่คลายลง ซึ่งการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และแนวทางบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง (ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS ratio ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย) อยู่ที่ร้อยละ 18.7 ธนาคารพาณิชย์จึงสามารถออกมาตรการช่วยดูแลและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หลากหลายมาตรการ ในระยะข้างหน้าที่ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง เราไม่ควรการ์ดตก ควรจะรักษาระดับเงินกองทุน ของธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ ภูมิคุ้มกันที่สำคัญของธนาคารพาณิชย์คือ ระดับเงินกองทุน ที่เป็นกันชนรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว และความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังช่วยให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เมื่อโควิด 19 คลี่คลายลง ซึ่งการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และแนวทางบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง (ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS ratio ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย) อยู่ที่ร้อยละ 18.7 ธนาคารพาณิชย์จึงสามารถออกมาตรการช่วยดูแลและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หลากหลายมาตรการ ในระยะข้างหน้าที่ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง เราไม่ควรการ์ดตก ควรจะรักษาระดับเงินกองทุน ของธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศทั่วโลกก็ได้ออกนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้หลายเดือน เช่น
- อังกฤษ ขอให้งดซื้อหุ้นคืน และงดการจ่ายเงินปันผลประจำปีจากผลประกอบการของปีที่แล้วด้วย
- อังกฤษ ขอให้งดซื้อหุ้นคืน และงดการจ่ายเงินปันผลประจำปีจากผลประกอบการของปีที่แล้วด้วย
- สหภาพยุโรป และนิวซีแลนด์ ขอให้งดซื้อหุ้นคืนและงดการจ่ายเงินปันผลไประยะเวลาหนึ่งเพื่อรอความชัดเจนของสถานการณ์โควิด 19 ก่อน
- ออสเตรเลีย ขอให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำ stress test ใหม่ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ ก่อนที่จะพิจารณาจ่ายเงินปันผล
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 22 มิถุนายน 2563