ถ้าพูดถึงสินทรัพย์ที่กองทุนตราสารหนี้ไปลงทุนที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึง คือ เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ซึ่งเป็นได้ทั้งตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ แต่ปัจจุบันสินทรัพย์ที่กองทุนตราสารหนี้ลงทุนเริ่มมีความซับซ้อนขึ้น โดยมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าแบบที่ลงทุนได้ (non-investment grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated) ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความเสี่ยงที่สูงกว่าตราสารหนี้แบบที่มีอันดับความน่าเชื่อถือแบบลงทุนได้ (investment grade)
แต่สำหรับผู้ที่เลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบ non-investment grade และ unrated ต้องยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงขึ้น โดยมีความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารอาจไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้กับผู้ลงทุนได้มากกว่าบริษัทที่ได้รับ investment grade หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผู้ที่ถือกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุ 3 เดือน หรือ 6 เดือน อาจได้รับเงินต้นคืนกลับมาไม่ครบ ส่วนผู้ที่ถือกองทุนตราสารหนี้แบบซื้อขายได้ทุกวัน ก็มีโอกาสที่ราคา NAV ของกองทุนนั้นจะปรับตัวลงมาแรงได้
จากความเสี่ยงในการลงทุนข้างต้น กองทุนตราสารหนี้จึงมีการแบ่งระดับความเสี่ยงที่แตกต่างไปจากเดิม โดยในอดีตกองทุนตราสารหนี้มีระดับความเสี่ยงสูงสุดที่ระดับ 4 แต่ปัจจุบันมีระดับความเสี่ยงสูงถึงระดับ 6 เท่ากับความเสี่ยงของกองทุนหุ้น
ดังนั้น
ในการเลือกลงทุนจึงไม่ควรดูจากผลตอบแทนย้อนหลังเพียงอย่างเดียว
เพราะกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงอาจมีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงตามไปด้วย
แนะนำให้พิจารณาจากระดับความเสี่ยงของกองทุนตราสารหนี้อยู่ในระดับไหน
แล้วผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนนั้นได้หรือไม่
แม้ว่ารูปแบบของกองทุนตราสารหนี้จะมีความซับซ้อนขึ้น แต่กองทุนตราสารหนี้ก็ยังถือเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงในการลงทุนได้ต่ำ โดยผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนมากขึ้น และไม่ควรดูเฉพาะผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว
K-Expert Action
• ศึกษารายละเอียดของตราสารหนี้ที่กองทุนไปลงทุนให้เข้าใจ ก่อนตัดสินใจลงทุน
• เลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก