x close

เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้





เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้

เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้

           เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับเส้นทางสู่อนาคตที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กันของทั้ง 2 กิจการ

           วันที่ 14 มิถุนายน 2559 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 มีรายงานคำสัมภาษณ์เปิดใจ 2 CEO จากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย หลังจากที่ครอบครัวแบเลเว็ลด์ ได้ขายหุ้นมูลค่า 8.6 พันล้านบาท ให้แก่ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์
           โดย นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะตัวแทนของนายวิชัย ได้เผยถึงการต่อยอดธุรกิจไทยแอร์เอเชียหลังจากนี้ โดยเขามองว่าธุรกิจของทั้ง 2 กิจการนั้นเป็นธุรกิจที่เอื้อต่อกัน มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนจีนและไทยเหมือนกัน ซึ่งเป็นอะไรที่คล้องจองเหมาะสมกัน ในขณะนี้ธุรกิจของคิง เพาเวอร์ มีทั้งส่วนของดิวตี้ฟรี โรงแรม และสโมสรเลสเตอร์ ทำให้เรามองหาสิ่งที่จะตอบโจทย์ธุรกิจของเราในเบื้องหน้า ซึ่งธุรกิจสายการบินก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์อย่างมาก ในเชิงที่สามารถนำลูกค้ามาหาเราได้ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของเขา

เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้

           ขณะที่ นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เผยถึงการตัดสินใจขายหุ้นในครั้งนี้ว่า เขาอยู่ในธุรกิจการบินมา 13 ปีแล้ว สามารถขึ้นเป็นที่ 1 ได้ทั้งในไทยและอาเซียน เหลือที่ตั้งใจจะบุกตลาดเน้น ๆ คือที่จีนกับอินเดีย ซึ่งขณะนี้เขาเชื่อว่าสายการบินไทยน่าจะเป็นสายการบินที่นำนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมาเยอะที่สุดแล้ว

           นอกจากนี้เขายังมองว่า 13 ปีที่ผ่านมาเหมือนเราจบ Chapter แรกไปแล้ว จากนี้จะเข้าสู่ Chapter 2 จากฐานลูกค้าของคิง เพาเวอร์ ประกอบกับคอนเน็คชั่นที่มีในจีนกับความสัมพันธ์กับบริษัททัวร์จีนของคิง เพาเวอร์ น่าจะทำให้ไทยแอร์เอเชียเติบโตไปอย่างก้าวกระโดดได้ ส่วนในเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น ก็คงจะเปลี่ยนจากชื่อของตนเป็นครอบครัวศรีวัฒนประภา แต่ในโครงสร้างบริหารทางนี้ก็ยังมีบอร์ดอยู่ 3 คน ในการบริหารนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม

           สำหรับจุดที่ทำให้เกิดการควบรวมกิจการนี้ นายอัยยวัฒน์ มองว่า การทำงานของไทยแอร์เอเชียนั้นมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว เป็นการเติบโตของธุรกิจซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง คิดว่าถ้าเราเข้าไปนั่งในบอร์ดแล้วช่วยกัน ประสานเรื่องกันระหว่างทัวร์จีนที่เราทำอยู่ กับเส้นทางของไทยแอร์เอเชีย  ถ้าเราเปิดเส้นทางได้มากขึ้นมันก็จะวิน-วินทั้งคู่ หากเราเปิดเส้นทางของไทยแอร์เอเชียมากขึ้น ผู้โดยสารก็จะเข้ามาที่คิง เพาเวอร์ เช่นกัน ซึ่งตอบโจทย์ทั้ง 2 ฝ่าย

           นอกจากนี้ไทยแอร์เอเชีย ก็ยังมีแผนนำเข้าเครื่องบินมาอีกเรื่อย ๆ ในอนาคตอีก 5 ปีก็น่าจะมีกว่า 70 เครื่อง เส้นทางบินก็คงจะเพิ่มขึ้น ผู้โดยสารก็จะเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจากนี้ทั้งคิง เพาเวอร์ และไทยแอร์เอเชียก็จำเป็นจะต้องเตรียมตัว เพื่อให้เดินไปสู่จุดนั้นอย่างดีที่สุด

เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้

           นายธรรศพลฐ์ ยังเผยว่า แม้ที่ผ่านมาไทยแอร์เอเชียจะเติบโตต่อเนื่อง แต่หากหนทางข้างหน้ามันโรยด้วยกลีบกุหลาบมากกว่านี้ และสามารถโตได้มากกว่านี้ ก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงต่อตลาดหลักทรัพย์ด้วย เพราะสุดท้ายผลจะสะท้อนผ่านผลประกอบการ ในส่วนของแผนขยายเครื่องบินเพิ่มนั้น เดิมทีเราตั้งเป้าไว้ปีละ 5 ลำ แต่หลังจากนี้หากมีการพูดคุยรายละเอียดกันมากขึ้น ก็อาจจะขยายสูงขึ้นอีก

           สำหรับการรวมกิจการกันเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกของวงการอุตสาหกรรมการบินประเทศไทย โดยจากนี้ทั้ง 2 บริษัทยังจะผลักดันต่อไปในเรื่องช่องทางออนไลน์ด้วย โดยนายอัยยวัฒน์ ชี้ว่าตอนนี้โลกหมุนไปสู่ยุคออนไลน์มากขึ้น คนต่างชาติรู้จักเมืองไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งทางคิง เพาเวอร์ ก็กำลังปรับปรุงระบบขายของออนไลน์อย่างเต็มที่ ในขณะที่ไทยแอร์เอเชียมีระบบขายตั๋วออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว หากเรานำมารวมกันได้ก็จะเป็นเหมือนวันสต็อปช็อป

           คงจะดีไม่ใช่น้อย หากสามารถซื้อตั๋วและซื้อสินค้าได้ในคราวเดียว ส่งของได้ถึงเครื่องโดยไม่ต้องเสียเวลา นับเป็นเซอร์วิสให้ลูกค้าอีกรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะต้องมารอซื้อสินค้าของไทยแอร์เอเชียบนเครื่องซึ่งมีเวลาน้อย หลายคนไม่เห็นของ ด้วยวิธีการออนไลน์จะทำให้ลูกค้ามีช่องทางได้ชมสินค้า เข้าถึงง่ายขึ้น และซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วลูกค้าของทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ประโยชน์มากขึ้น

           สำหรับการรวมตัวของภาคเอกชนในครั้งนี้ นายอัยยวัฒน์ มองว่า จะทำให้การท่องเที่ยวไทยโตได้มากขึ้น ให้ต่างชาติเห็นว่าการลงทุนในไทยมีความน่าสนใจ และก็เป็นอะไรที่น่าติดตามหลังจากนี้

           ทางด้านนายธรรศพลฐ์ มองว่า แม้เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 ปีหลังจะไม่ได้โตนัก แต่หากย้อนดูในรายละเอียดจะพบว่าธุรกิจที่พยุงเศรษฐกิจได้หลัก ๆ ก็มาจากการท่องเที่ยว ซึ่งหากเราได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็จะสามารถยืนอยู่ในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภาพจาก vs_kingpower, Leicester City FC Thailand, เฟซบุ๊ก AirAsiaThailand

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ CEO คิง เพาเวอร์ สู่การถือหุ้นใหญ่ ไทยแอร์เอเชีย กับทิศทางหลังจากนี้ อัปเดตล่าสุด 15 มิถุนายน 2559 เวลา 09:47:57 11,150 อ่าน
TOP