การเช็กสิทธิลดหย่อนภาษี คำนวณภาษีที่จะต้องเสีย และเลือกผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีที่เหมาะกับตนเอง เป็นขั้นตอนสำคัญในการลดภาษีช่วงโค้งสุดท้ายของปี
เหลือเวลาอีก 3 เดือนก็จะหมดปีแล้ว เมื่อเดินทางเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี นอกจากการวางแผนท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวแล้ว เชื่อว่าหลายคนกำลังวางแผนภาษีเพื่อให้เรามีภาระภาษีน้อยที่สุด โดยสำรวจตัวเองว่าในช่วงที่ผ่านมาได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีครบถ้วนแล้วหรือยัง ใช้สิทธิอะไรไปแล้วบ้าง จำนวนเท่าไร ถ้าใครยังใช้สิทธิไม่ครบก็คงต้องรีบกันหน่อยค่ะเพราะถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการลดหย่อนภาษีกันแล้ว แต่จะลดหย่อนอย่างไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุด K-Expert มีคำแนะนำ 3 ขั้นตอนมาฝากดังนี้ค่ะ
1. เช็กสิทธิลดหย่อนที่มี
ปัจจุบันเรามีตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีหลายรูปแบบ
ทั้งแบบที่เป็นค่าลดหย่อนของตัวเองและครอบครัว เช่น
ค่าลดหย่อนบิดามารดา ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้ท่านละ 30,000 บาทต่อปี กรณีบิดามารดาอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
ค่าลดหย่อนบุตรกรณีศึกษาในประเทศ ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้คนละ 17,000 บาทต่อปี สูงสุด 3 คน
ค่าลดหย่อนจากการลงทุน เช่น
ค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม LTF และ RMF สำหรับ LTF สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ส่วน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับยอดเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
ค่าเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวไทยที่เกิดขึ้นในปี 2558 ได้แก่ ค่าบริการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ภายในประเทศ และค่าที่พักโรงแรมภายในประเทศสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อปีค่ะ
ดังนั้น ควรเช็กสิทธิลดหย่อนของตัวเองที่มีว่าสามารถใช้สิทธิลดหย่อนอะไรได้บ้าง และเป็นเงินเท่าไร
2. คำนวณภาษีพร้อมสิทธิลดหย่อนที่ใช้
การคำนวณภาษีจากรายได้พร้อมสิทธิลดหย่อนที่มีจะช่วยให้เราทราบว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ หรือเสียมากน้อยแค่ไหน เป็นเงินจำนวนเท่าไร หากยังเสียภาษีในฐานที่สูงอยู่ การลงทุนหรือออมเพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์เพื่อการลดหย่อนภาษีอย่างกองทุนรวม LTF, RMF และประกันชีวิตจะช่วยลดภาระภาษีให้น้อยลงได้ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือคำนวณภาษีมากมายที่ช่วยให้เราสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง
3. เลือกผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีที่เหมาะสม
เมื่อต้องการลงทุนหรือออมเพื่อลดหย่อนภาษี การเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงที่รับได้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เช่น หากต้องการลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ กองทุนรวม RMF เป็นตัวเลือกที่สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ แต่ถ้าต้องการลงทุนระยะเวลาไม่นาน ประมาณ 3-5 ปี และรับความเสี่ยงได้สูง กองทุนรวม LTF ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
ส่วนการซื้อประกันชีวิตนั้นจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันถึงขั้นทำให้เสียชีวิต เงินจากประกันชีวิตจะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของครอบครัวได้
การวางแผนภาษีล่วงหน้าและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยให้เราสามารถลดภาระภาษีได้แล้ว การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างกองทุนรวม LTF และ RMF ยังเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้เราได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนการทำประกันชีวิตก็สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับครอบครัวเราได้ ทั้งนี้ การลดหย่อนภาษีให้เวิร์คมากที่สุด แนะนำให้เริ่มทำตั้งแต่ต้นปี โดยการเช็กสิทธิลดหย่อนที่มี และลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นประจำทุกเดือนค่ะ
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ "ลดหย่อนภาษีโค้งสุดท้ายอย่างไรให้เวิร์ก" ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
K-Expert Action
ลงทุนในกองทุนรวม LTF ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง และต้องการลงทุนประมาณ 3-5 ปี
ลงทุนในกองทุนรวม RMF หากต้องการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
ซื้อประกันชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก