ขสมก. เปิดแผนฟื้นฟู 10 ปี พร้อมล้างหนี้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขสมก. เปิดแผนฟื้นฟู 10 ปี พร้อมชงกระทรวงการคลังช่วยล้างหนี้ 5.8 หมื่นล้านบาท หลังถูกบีบห้ามขึ้นค่าโดยสารจนขาดทุนยับ
วันนี้ (15 กันยายน 2557) นายนเรศ บุญเปี่ยม รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวถึงการส่งแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ได้มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินงานไว้ 10 ปี คือ ระหว่างปี 2558-2567 ประกอบด้วย 14 แผนงาน 3 ยุทธศาสตร์ เพื่อให้ ขสมก. เป็นหน่วยงานที่ให้บริการขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อเครือข่ายการเดินทางกับระบบรางได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้หากแผนดังกล่าวสำเร็จจะช่วยให้ ขสมก. หยุดขาดทุนได้ในปีที่ 6 และกลายเป็นองค์กรที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แม้จะยังไม่มีกำไรในช่วง 10 ปีแรกก็ตาม
นายนเรศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาระหนี้ที่มีประมาณ 58,500 ล้านบาทนั้น มิได้เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของ ขสมก. แต่เกิดจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ให้จัดเก็บค่าโดยสารในราคาต่ำกว่าต้นทุน ส่งผลให้ ขสมก. ไม่สามารถจัดเก็บค่าโดยสารได้ตามต้นทุนที่แท้จริง ทั้งยังต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาชำระค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อม ดังนั้น ขสมก. จึงได้ประสานกระทรวงคมนาคมช่วยเจรจากับกระทรวงการคลังให้เข้ามารับภาระหนี้ในส่วนนี้ทั้งหมด เพื่อลดภาระหนี้ให้กับ ขสมก.
สำหรับยุทธศาสตร์ที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. มีรายละเอียด ดังนี้
ยุทธศาสตร์ปรับลดค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย 5 โครงการ
1. โครงการจัดหารถเมล์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.200 ล้านบาท เพื่อทดแทนรถเมล์ที่ใช้ดีเซล
2. โครงการสร้างอู่จอดรถเมล์ใหม่ 5 แห่ง ในปี 2558 วงเงิน 253.89 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าเช่าอู่เอกชน
3. โครงการปรับปรุงเส้นทางเดินรถเมล์จากปัจจุบันที่มีอยู่ 210 สาย ให้เหลือ 186 เส้นทาง
4. โครงการระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียจากการเก็บค่าโดยสารไม่ครบถ้วน ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร และเตรียมพร้อมเชื่อมโยงระบบบัตรโดยสารร่วม
5. โครงการสมัครใจเกษียณอายุก่อนกำหนด เบื้องต้นระหว่างปี 2558-2559 มีแผนปรับลดพนักงานลง 2,000 คน/ปี ด้วยงบประมาณ 2,600 ล้านบาท ส่งผลให้ ขสมก. เหลือพนักงาน 9,000 คน ในปี 2559 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 13,000 คน ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการเดินรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากอัตราพนักงานต่อการบริหารการเดินรถ 1 คัน ลดลงจาก 4.6 คน/คัน เหลือ 2.4 คน/คัน
ยุทธศาสตร์การเพิ่มรายได้
ขสมก. ตั้งเป้าจะบริหารทรัพย์สินในเชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มรายได้ โดยในปี 2558 ขสมก. จะทยอยประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมเสนอแผนพัฒนาอู่รถเมล์เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ นำร่อง 4 อู่แรก ประกอบด้วย อู่รถเมล์บางเขน, มีนบุรี, สวนสยาม และแสมดำ
ยุทธศาสตร์เพิ่มคุณภาพของการบริการ
ขสมก. จะมีการติดตั้งระบบตรวจสอบและติดตามการเดินรถ (จีพีเอส) เพื่อควบคุมการเดินรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงประยุกต์ใช้ระบบบริหารจัดการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารงานให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การยกระดับมาตรฐานคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทาง (ISO 9001 : 2008) เป็นต้น
นอกจากนี้ ขสมก. ได้เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. หน่วยงานบริหารจัดการเดินรถ
มีหน้าที่บริหารการเดินรถของ ขสมก. และรถร่วมบริการ ขสมก. ด้วยการกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขขั้นต่ำที่เหมาะสมให้ผู้ประกอบการทุกรายถือปฏิบัติ เพื่อให้การบริการมีมาตรฐานเดียวกัน
2. หน่วยงานปฏิบัติการเดินรถ
ทำหน้าที่เดินรถเมล์ของ ขสมก. และรถร่วมบริการ ขสมก. โดย ขสมก. จะปรับเขตการเดินรถทั้ง 8 เขต เป็นเชิงธุรกิจในรูปแบบหน่วยธุรกิจ (Business Unit) 8 หน่วย ภายในปี 2559 หลังจากนั้น จะมีการกำหนดให้แต่ละเขตการเดินรถมีการจัดทำงบกำไร ขาดทุนจากการดำเนินงานเสนอมายังส่วนกลาง เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดการดำเนินการที่ชัดเจน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก