แท็กซี่ ขอขึ้นราคา หากขึ้นแอลพีจี-เอ็นจีวี
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แท็กซี่ ขอขึ้นราคา หากขึ้นแอลพีจี เอ็นจีวี ขณะที่รถบรรทุกขอปรับ 5% หลังต้นทุนพุ่ง เพราะถูกจำกัดน้ำหนักบรรทุก
วานนี้ (2 กันยายน 2557) นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ทางกระทรวงคมนาคมไม่ผ่อนผันน้ำหนักรถบรรทุกชนิด 7 เพลา 24 ล้อ ให้บรรทุกได้ 58 ตัน ว่า เรื่องนี้จะส่งผลให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการขนส่งอาจจะผลักภาระค่าขนส่งไปให้ผู้ใช้บริการโรงงานอุตสาหกรรมและเกษตรกร ด้วยการขึ้นค่าขนส่งอีก 5% ซึ่งจะส่งผลให้ค่าขนส่งสินค้าเกษตรเพิ่มเป็นกิโลเมตรละ 1.10-1.20 บาทต่อเที่ยว และสินค้าอุตสาหกรรมขึ้นกิโลเมตรละ 1 บาทต่อเที่ยว
ทั้งนี้ นายยู กล่าวว่า จะยังไม่มีการปรับขึ้นในทันที เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่มีการส่งสินค้าน้อย (โลว์ซีซั่น) แต่คาดว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจจะต้องใช้รถบรรทุกจำนวนมาก คงต้องมีการปรับขึ้นค่าขนส่งในช่วงเวลานั้น และอาจจะกระทบต่อสินค้าเกษตรให้เพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ นายยู ยังระบุถึงปัญหาของผู้ประกอบการขนส่งบางราย ที่ไม่สามารถขนส่งสินค้าข้ามแดนจากไทยไปประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนได้ครบ เพราะมีหลายประเทศยังไม่ได้จัดทำข้อตกลงการขนส่งสินค้าผ่านแดนกันไทย และต้องรอให้ภาครัฐเร่งเจรจาจัดทำความตกลงให้เสร็จก่อน ดังนั้น ตนมองว่า กระทรวงคมนาคมไม่จำเป็นจะต้องเร่งรีบบังคับใช้นำน้ำหนักบรรทุก 50.5 ตัน ซึ่งเป็นน้ำหนักบรรทุกมาตรฐานของชาติอาเซียน เพราะยังไม่มีการขนส่งเกิดขึ้นจริง
ส่วนทางด้าน นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ เปิดเผยว่า เครือข่ายแท็กซี่ฯ เตรียมทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานแล้ว เพื่อให้หามาตรการช่วยเหลือ หลังมีกระแสข่าวเตรียมปรับขึ้นก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งและราคาก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งผลกระทบต่อต้นทุนของคนขับแท็กซี่ที่มีประมาณ 8 หมื่นคัน ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วยการชดเชยส่วนต่างราคาให้ คล้ายกับรูปแบบบัตรเครดิตพลังงาน
นายวิฑรูย์ อธิบายต่อว่า อยากให้ช่วยเหลือเหมือนกับกลุ่มแท็กซี่เอ็นจีวี ที่ยังใช้ราคาเอ็นจีวีได้ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เพราะได้รับส่วนลดจากบัตรเครดิตพลังงาน 2 บาท แต่หากภาครัฐไม่ช่วยเหลือตามข้อเรียกร้อง เครือข่ายฯ จะขอปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่อย่างแน่นอน เพื่อชดเชยภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงกรณีที่แท็กซี่เตรียมปรับค่าโดยสารว่า เรื่องนี้กรมการขนส่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้แล้ว ซึ่งจะต้องไปศึกษาและพิจารณาปัจจัยปัญหาแวดล้อมหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อค่าโดยสารด้วย เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการจราจร จำนวนสถานีเติมแก๊ส เป็นต้น และหากผลการศึกษาออกมาว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร ก็ต้องดูอีกว่าอัตราไหนจึงจะเหมาะสม โดยจะศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะนำผลการศึกษาเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
