ดัชนีเชื่อมั่นรูดต่ำสุด22เดือน ผลพวงการเมืองเดือดฉุด วอนทุกฝ่ายถกทางออก (ไทยโพสต์)
ดัชนีเชื่อมั่นทรุดต่อ ต่ำสุดรอบ 22 เดือน พิษการเมืองเดือด คนกังวลเหตุรุนแรง กระทบเศรษฐกิจ ไม่กล้าใช้จ่าย สภาผู้ส่งออกฯ วอนทุกฝ่ายเร่งเจรจาหาทางออก ชี้ต้องแยกจากเรื่องเศรษฐกิจออกจากการเมือง
วันที่ 4 ธันวาคม 2556 นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ 75.0 ลดลงจาก 76.6 ในเดือนตุลาคม เป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบันอยู่ที่ 59.2 ลดจาก 60.3 เดือน ต.ค. ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 79.9 ลดจาก 81.7 เดือนตุลาคม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 65.0 ลดลงจาก 66.6 เดือนตุลาคม ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2555 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ เท่ากับ 68.2 ลดจาก 69.4 เดือนตุลาคม ลดลงเป็นเดือนที่ 8 และต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ตั้งแต่สิงหาคม 2555 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 91.8 ลดจาก 93.7 เดือนตุลาคม ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 เป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 24 เดือน นับตั้งแต่ธันวาคม 2554
ปัจจัยลบหลัก คือ ความกังวลจากการชุมนุมทางการเมือง ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในอนาคต ซึ่งประชาชนมีความวิตกถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น และกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์และเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีในเดือนพฤศจิกายนอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 22 เดือน และรายได้ในอนาคตกับโอกาสในการหางานทำ ลดลงต่ำสุดในรอบ 22-24 เดือน ซึ่งปัจจัยลบมาจากปัญหาการเมืองเป็นหลัก ที่คนมองว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าจะโต 3.5-4% และอาจจะไม่ถึง 3% ด้วยซ้ำ
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ สังคม และเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากัน เพื่อหาทางออกของปัญหา โดยต้องแยกออกจากเรื่องเศรษฐกิจ ไม่เอาภาคเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน เพราะจะส่งผลให้การค้าและการส่งออกของประเทศสะดุด
โดยผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ผลกระทบจะยังคงต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกปี 2557 แต่ไม่รุนแรง ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อข้ามปี ผลกระทบจะมีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 ปีหน้า
"สภาผู้ส่งออกฯ เป็นห่วงสถานการณ์ในขณะนี้ ขอวอนให้ทุกฝ่ายอย่าเอาธุรกิจของประเทศไปเกี่ยวข้อง อย่าเอาเศรษฐกิจไปเป็นตัวประกัน อยากให้แยกให้ชัดเจน ขอให้ทุกฝ่ายที่รักประเทศ เห็นแก่เศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยฝากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็ว หากสถานการณ์ลากยาว จะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น และไม่กล้าที่จะเข้ามาสั่งซื้อในประเทศ" นายนพพรกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
