x close

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง เตรียมเงินเท่าไหร่ดี ?

          ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง นอกจากค่าดาวน์บ้านและผ่อนบ้าน เช็กเลยกับ 12 ค่าใช้จ่ายควรรู้ ก่อนคิดจะซื้อบ้าน จะได้รู้ว่าควรเก็บเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          ใครที่มีความฝันอยากซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง คงกำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินกันอย่างขะมักเขม้น แต่ถึงจะเก็บเงินซื้อบ้านได้ตามเป้าแล้ว ก็ใช่ว่าจะสบายใจหอบกระเป๋าเข้าบ้านได้เลย เพราะรู้ไหมว่าการซื้อบ้าน ใหม่นั้น มักตามมาด้วยค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าบางอย่าง หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องจ่ายด้วย ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนซื้อบ้านอยู่ มาดูกันก่อนว่ายังมีอะไรที่ต้องใช้เงินอีกบ้าง จะได้วางแผนเก็บเงินกันถูก 

1. ค่าจองทำสัญญา

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          เป็นค่าใช้จ่ายก้อนแรกสำหรับวางมัดจำซื้อบ้าน เพื่อเป็นการจองสิทธิ์ในการซื้อบ้านหลังนี้ โดยจำนวนเงินจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับราคาบ้านเป็นหลัก รวมถึงการตกลงกันทั้งสองฝ่ายระหว่างผู้ซื้อกับเจ้าของโครงการด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มต้นตั้งแต่ 5 หมื่นบาท ไปจนถึงหลักแสนเลยก็มี 
 
2. ค่าประเมิน

          หลังจากจองบ้านเรียบร้อยแล้ว หากเราซื้อบ้านโดยกู้เงินจากธนาคาร จะมีค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาบ้าน แม้บางธนาคารจะฟรีค่าธรรมเนียมส่วนนี้ แต่บางแห่งผู้กู้ต้องรับผิดค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด โดยปกติค่าประเมินจะอยู่ราว 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่วงเงินที่ขอกู้ด้วย ที่สำคัญคือ ไม่ว่าเราจะยื่นกู้ผ่านหรือไม่ ก็ต้องเสียค่าประเมินเช่นกัน และถ้ายิ่งยื่นกู้หลายธนาคารก็ต้องจ่ายค่าประเมินมากขึ้นตามไปด้วย 

3. ค่าจดจำนอง

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          เป็นค่าธรรมเนียมที่ผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านต้องเสียให้กรมที่ดินในอัตรา 1% ของจำนวนเงินที่เรากู้ทั้งหมด เช่น ถ้าเราขอกู้ซื้อบ้านเป็นจำนวน 4 ล้านบาท ก็จะต้องเสียค่าจดจำนอง 4 หมื่นบาทนั่นเอง นอกจากนี้ จะมีค่าอากรแสตมป์ จำนวน 0.50% ของราคาซื้อ-ขายอีกด้วย
 
          อย่างไรก็ตาม หากมีการซื้อ-ขายบ้านในวงเงินจำนอง ไม่เกิน 3 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 จะได้ปรับลดค่าจดจำนอง จาก 1% ของมูลค่าจำนอง เหลือ 0.01%

4. ค่าโอนกรรมสิทธิ์

          แน่นอนว่าเมื่อเรากู้ซื้อบ้านแล้ว ก็จะต้องรับโอนบ้านจากโครงการต่าง ๆ ภายในกำหนดเวลา ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ที่ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินในอัตรา 2% ของราคาประเมิน แต่หากซื้อ-ขายบ้านพร้อมที่ดิน ในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท ภายใน 24 ธันวาคม 2563 จะได้ปรับลดค่าธรรมเนียมจาก 2% เหลือ 0.01%

          ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะแบ่งจ่ายคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อย่างไรก็ตาม ก่อนทำสัญญาควรตกลงค่าใช้จ่ายส่วนนี้กันให้ดี ๆ ว่าใครจะจ่ายเท่าไหร่จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง และเราจะได้เตรียมเงินสำรองเอาไว้ทัน เพราะค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย 

5. ค่าส่วนกลาง

          หากเราซื้อบ้านในโครงการจัดสรร ผู้ขายสามารถจัดเก็บค่าส่วนกลางล่วงหน้าได้ตามกฎหมาย บางที่อาจจะเรียกเก็บล่วงหน้าประมาณ 1 ปี ซึ่งควรเช็กกับโครงการให้ดีก่อนทำสัญญาซื้อบ้านด้วยนะ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายไปตลอด เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปจ้าง รปภ. ติดกล้องวงจรปิด และดูแลจัดสรรพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ในโครงการ เป็นต้น 
  
6. ค่าประกัน

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

         หลายคนอาจจะคิดว่าการทำประกันบ้านไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ถ้าเงินส่วนนี้ไม่ได้ทำให้เราลำบากมากนัก การทำประกันเผื่อไว้ก็จะช่วยให้เราคลายกังวลปัญหาเกี่ยวกับบ้านได้มากขึ้น สำหรับประกันบ้านมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประกันอัคคีภัย ที่คุ้มครองความปลอดภัยของตัวบ้านกรณีเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำ โดยยอดจะอยู่ที่ 0.1% ของราคาบ้าน 

          นอกจากนี้ ยังมีประกันภัยพิบัติอื่น ๆ ที่ไม่ได้บังคับให้ทำ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น รวมไปถึงประกันสินเชื่อบ้านหรือประกันคุ้มครองหลักทรัพย์ ในกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตก่อนผ่อนชำระหนี้สินหมด ทางบริษัทประกันจะชดใช้แก่ธนาคารแทน โดยไม่ตกเป็นภาระของคนในครอบครัว  

7. ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟ

          เมื่อรับโอนบ้านเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้แน่ ๆ ก็คือน้ำประปาและไฟฟ้า ซึ่งในการติดตั้งมิเตอร์น้ำ-มิเตอร์ไฟ ก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายอีกเช่นกัน มากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดที่เราติดตั้ง เพราะฉะนั้น จึงควรเผื่อเงินเอาไว้ด้วย เพราะรวม ๆ แล้วต้องใช้เงินเป็นหลักหมื่นเหมือนกัน

8. ค่าขนย้าย

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          การย้ายเข้าบ้านใหม่ทั้งที คงไม่มีใครขนข้าวของแค่ชิ้นสองชิ้นแน่ ๆ เพราะฉะนั้นควรสำรองเงินเพื่อจ้างรถขนย้ายข้าวของ รวมถึงค่าแรงคนช่วยขนของไว้ด้วยก็ดี แม้บางคนอาจจะมีรถสำหรับขนของด้วยตัวเอง หรือสามารถไหว้วานเพื่อน ๆ ให้ช่วยกันคนละไม้ละมือได้ แต่การกันเงินสำหรับส่วนนี้เอาไว้ก่อนก็จะดีกว่า

9. งบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน 

          นอกจากต้องควักงบก้อนโตซื้อบ้านแล้ว ค่าเฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่งเข้าบ้านใหม่ก็เป็นส่วนที่ใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ เลย เพราะบางโครงการได้มาเป็นบ้านเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรติดมาเลยก็มี ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการและรสนิยมของแต่ละคนแล้ว แต่ถ้าอยากจะประหยัดงบ แนะนำให้วางแผนทยอยซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นก่อน แล้วค่อยซื้อเพิ่มเติมตามกำลังทรัพย์ที่มี

10. งบเครื่องใช้ไฟฟ้า

          เมื่อตกแต่งเลือกเฟอร์นิเจอร์เสร็จแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า เป็นต้น ซึ่งถ้าต้องซื้อใหม่ทั้งหมด รวม ๆ แล้วก็เป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียว เพราะฉะนั้น จึงควรบริหารเงินเพื่อสำรองไว้สำหรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ดี ๆ ด้วยล่ะ 

11. งบจัดสวน

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          สำหรับคนที่ซื้อบ้านเพื่ออยากจะมีสวนสวย ๆ คอยให้ร่มเงาและไว้ใช้พักผ่อน ก็ต้องเก็บเงินไว้สำหรับทำสวนพอสมควรเหมือนกันนะ เพราะต้องซื้ออุปกรณ์หลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ดอกไม้ หรือต้นไม้ที่จะปลูกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ด้วย ซึ่งงบจัดสวนจะสูงแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสวนที่เราออกแบบไว้นั่นแหละ หรือถ้าให้ดีลองแอบต่อรองกับโครงการตั้งแต่ตอนซื้อ-ขายก็ได้ ว่าเขาจัดสวนแถมให้ด้วยหรือเปล่า จะได้ประหยัดงบอีกหน่อย 

12. ค่าทำความสะอาดซ่อมแซม

ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

          เผื่อใจไว้ด้วยว่าบ้านที่เราซื้อนั้น อาจไม่ได้มีสภาพสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนที่คาดเอาไว้ เพราะบ้านบางหลังถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการดูแลหรือเก่าจนบางส่วนพังไปบ้างก็มี เพราะฉะนั้น จึงควรเผื่อค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาทำความสะอาด ทาสี รวมทั้งซ่อมแซมอุปกรณ์บางอย่างไว้ก่อนด้วย จะได้พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องมาคอยแก้ปัญหาให้ปวดหัวทีหลัง 

          เมื่อรู้แบบนี้แล้วก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง อย่าลืมเช็กค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดีด้วยล่ะว่ามีอะไรบ้าง ต้องสำรองเงินไว้เท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาเงินไม่พอ หมุนเงินไม่ทันให้ปวดหัว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ซื้อบ้านต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง เตรียมเงินเท่าไหร่ดี ? อัปเดตล่าสุด 17 กรกฎาคม 2563 เวลา 09:10:52 51,966 อ่าน
TOP