วิธีคิดเปอร์เซ็นต์ เรื่องง่าย ๆ ที่หลายคนมักปวดหัว

วิธีคิดเปอร์เซ็นต์ ในรูปแบบต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน พร้อมยกตัวอย่างหลักการคิดแบบง่าย ๆ ช่วยให้เข้าใจได้ไม่ยาก 

เปอร์เซ็นต์ (%) หรือเรียกอีกอย่างว่า ร้อยละ เป็นการคำนวณที่เรามักจะพบเจออยู่บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การคิดส่วนลด กำไร ขาดทุน อัตราเงินเดือนขึ้น ภาษี ดอกเบี้ย หรือแม้แต่บนฉลากบรรจุภัณฑ์อาหาร ก็มีเปอร์เซ็นต์ระบุถึงส่วนผสมต่าง ๆ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน ไม่อยากคิดให้ปวดหัว แต่ถ้าลองทำความเข้าใจก็จะรู้ถึงหลักการคิดที่แสนจะง่ายดาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ ในการคำนวณเปอร์เซ็นต์แบบง่าย ๆ ด้วยเครื่องคิดเลขมาฝากกันค่ะ 

เปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละ คือ เศษส่วน ที่มีส่วนเป็น 100 เสมอ เช่น

• 10% คือ 10 ส่วน จาก 100 ส่วน
• 50% คือ 50 ส่วน จาก 100 ส่วน

ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ ถ้าสินค้า 100 บาท ลด 20% เท่ากับว่าสินค้าชิ้นนั้นลดไป 20 บาท (100 - 20 = 80) ดังนั้น เสื้อเชิ้ตตัวนี้ราคา 80 บาทนั่นเอง หรือถ้าเป็นของที่มีราคาอื่นก็ให้คิดเอาไว้ว่า ทุก ๆ 100 บาท จะลดไป 20 บาท เช่น ถ้าจะซื้อโทรศัพท์มือถือราคาเต็ม 30,000 บาท ลด 20% ก็จะเท่ากับ 6,000 บาท สูตรคือ 

เวลาเราไปซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า อาหาร หรือข้าวของเครื่องใช้ มักจะถูกล่อตาล่อใจให้ซื้อด้วยส่วนลดพิเศษจากราคาเต็มอยู่เสมอ ซึ่งวิธีการคิดเปอร์เซ็นต์ส่วนลดนั้น สามารถใช้เครื่องคิดเลขคำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้สูตรดังนี้ 

• วิธีที่ 1 : ราคาเต็ม x จำนวนส่วนลด >> กดปุ่ม %

• วิธีที่ 2 : ราคาเต็ม x จำนวนส่วนลด ÷ 100

• วิธีที่ 1 : ราคาเต็ม - จำนวนส่วนลด >> กดปุ่ม %

• วิธีที่ 2 : ราคาเต็ม x (100 - จำนวนส่วนลด) ÷ 100

ยกตัวอย่างเช่น ตู้เย็น ราคา 26,000 บาท ติดป้ายลด 20% เท่ากับว่า

• ตู้เย็นเครื่องนี้ลดไป 26,000 x 20% = 5,200 บาท

• ต้องจ่ายเงินซื้อตู้เย็นเครื่องนี้ในราคา 26,000 - 20% = 20,800 บาท

คือ การหาตัวเลข % ของส่วนลด ว่าราคาที่ลดลงไปจากราคาเต็มนั้นคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์กันแน่ สามารถใช้สูตรได้ดังนี้

ยกตัวอย่างเช่น โทรทัศน์มีราคาเต็ม 40,000 บาท ได้ส่วนลด 6,000 บาท เท่ากับว่า 6,000 ÷ 40,000 x 100 = 15% นั่นเอง 

สำหรับใครที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้า ก็คงอยากจะได้วิธีในการคิดเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ว่าที่ลงทุนค้าขายไปนั้นกำไรหรือขาดทุนอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุน ราคาขาย กำไร และขาดทุน กันก่อนค่ะ 

• ต้นทุน คือ ราคาเดิมหรือเงินต้นที่ซื้อสินค้าชิ้นนั้น ๆ มา 

• ราคาขาย คือ ราคาสำหรับขายสินค้า โดยทั่วไปจะบวกเพิ่มให้สูงกว่าต้นทุน 

• กำไร คือ ราคาขายเมื่อหักต้นทุนแล้วได้ผลลัพธ์เป็นบวก 

• ขาดทุน คือ ราคาขายเมื่อหักต้นทุนแล้วได้ผลออกมาเป็นลบ 

ซึ่งสูตรสำหรับการคิดเปอร์เซ็นต์กำไร ขาดทุน ที่นิยมใช้ ได้แก่  

ตัวอย่างเช่น ซื้อกางเกงยีนส์ ต้นทุนตัวละ 200 บาท วางขายในราคา 350 บาท ได้กำไรตัวละ 150 บาท เท่ากับว่า เราได้กำไร 150 ÷ 200 x 100 = 75%

ตัวอย่างเช่น ซื้อกางเกงยีนส์ ต้นทุนตัวละ 200 บาท ขายต่อเพื่อนราคา 150 บาท ขาดทุนไป 50 บาท เท่ากับว่า เราขาดทุนไป 50 ÷ 200 x100 = 20%

พนักงานบริษัทส่วนใหญ่คงจะคุ้นเคยกับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี หรือการเพิ่มเงินเดือนทุกครั้งที่เปลี่ยนงานใหม่ โดยการปรับเพิ่มส่วนใหญ่แล้วจะปรับขึ้นแบบเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะใช้วิธีการนำส่วนต่างระหว่างเงินเดือนเก่าและใหม่มาคำนวณ ดังนี้ 

หากต้องการรู้ว่าการปรับเงินเดือนขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์จะเป็นเงินกี่บาท ก็ใช้หลักง่าย ๆ คือ

ตัวอย่างเช่น เงินเดือนเก่า 35,000 บาท ได้ปรับขึ้น 8% เท่ากับว่า 35,000 + 8% = 2,800 บาท เงินเดือนใหม่ที่ได้รับเดือนหน้าก็คือ 35,000 + 2,800 = 37,800 บาท นั่นเอง

หรือเรารู้แค่เพียงว่ามีการปรับเงินเดือน เงินที่ได้รับมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ไม่รู้ว่าปรับขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ให้ใช้วิธีตามนี้

ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้อัตราเงินเดือนอยู่ที่ 35,000 บาท เดือนนี้ถูกปรับขึ้นเงินเดือนเป็น 36,750 บาท เท่ากับว่า เราได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น 36,750 - 35,000 x 100 ÷ 35,000 = 5%

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ถ้าเห็นตัวเลขเยอะ ๆ ก็อย่าเพิ่งปวดหัวกันไปเสียก่อนนะ เพราะถ้าลองใช้วิธีการคำนวณแบบง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกัน ก็สามารถคิดเปอร์เซ็นต์ออกมาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วแล้วค่ะ 

• วิธีคิด VAT ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต้องใช้สูตรอะไร ? 
• วิธีคิดดอกเบี้ยทบต้น สูตรคำนวณง่าย ๆ ที่คนออมเงินหรือลงทุนควรรู้
• วิธีคิดดอกเบี้ยเงินฝากปลอดภาษี ต้องคำนวณยังไง ถึงรู้ว่าจะได้ดอกเบี้ยเท่าไร ?
• วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก VS ดอกเบี้ยคงที่ เลือกแบบไหนดี คำนวณให้รู้ก่อนกู้เงิน !
• วิธีคิดดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ทั้งแบบออมทรัพย์และฝากประจำ คำนวณได้ด้วยตัวเอง
• วิธีหาค่าเฉลี่ย ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ยากอย่างที่คิด