ผอ. เครดิตบูโร แนะทางออกคนเคยติดแบล็กลิสต์ แต่ชำระหนี้จนหมดแล้ว อยากกู้บ้าน กู้รถ กู้เงินใหม่ แต่กลับไม่ผ่าน จะทำอย่างไรดี ยืนยันทางออกยังมี ไม่ต้องกลัว
![กู้เงินซื้อบ้าน]( "กู้เงินซื้อบ้าน")
หากใครที่เคยกู้บ้าน กู้รถ หรืออยากทำบัตรเครดิต สิ่งที่ต้องเจอแน่นอนคือการขอให้มีการตรวจเครดิตบูโร ซึ่งหลายคนในอดีตเคยทำพลาด ค้างค่างวดเกิน 3 เดือนจนกลายเป็นหนี้เน่า ทำให้กู้บ้าน กู้รถไม่ผ่าน เสียโอกาสที่จะได้สานฝันของตัวเอง วันนี้ 21 พฤศจิกายน 2563 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ได้ออกมาเผยแล้วว่า หากเกิดกรณีแบบนี้ จะทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายสุรพล เผยว่า หากใครที่เคยกู้เงินเพื่อขอสินเชื่อ แต่หมุนหนี้ไม่ทัน ค้างชำระเกิน 2 ปี แล้วธนาคารขายหนี้ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) เมื่อติดต่อไปชำระหนี้ที่บริษัทบริหารสินทรัพย์แล้ว ได้ใบปิดบัญชี และต่อมาต้องการกู้บ้านกับธนาคารแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิเสธ เพราะรหัสในบัญชีบูโรคือ 42 โอนหรือขายหนี้ให้กับนิติบุคคลอื่นหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ และมีประวัติค้างชำระหนี้เกิน 300 วัน จะทำอย่างไรดี
![กู้เงินซื้อบ้าน]( "กู้เงินซื้อบ้าน")
ทางออกคนติดเครดิตบูโร
โดยในความเป็นจริงคือ คนที่เคยติดแบล็กลิสต์ เป็นหนี้ NPL เพราะค้างเงินเกิน 3 งวด แล้วถูกขายหนี้ไปแล้วนั้น ยอดหนี้ในบัญชีจะเหลือ 0 เพราะบริษัทที่รับซื้อหนี้จ่ายหนี้ให้แทนแล้ว แต่หนี้ที่ซื้อไปนั้น อาจจะเป็นราคาเพียงครึ่งเดียวของหนี้ทั้งหมด
จากนั้น ธนาคารจะส่งข้อมูลบัญชีเดือนที่ขายออกไป โดยมีสถานะ 42 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อคุณไปยื่นขอสินเชื่อ และมีการตรวจสอบเครดิตบูโร ก็จะเห็นสถานะเป็น 42 ทำให้ทางธนาคารที่คุณขอกู้นั้น ไม่แน่ใจว่า หากให้คุณกู้เงินไปแล้ว เงินส่วนที่ให้ไปจะถูกนำไปใช้หนี้ในส่วนที่คุณบริษัทสินทรัพย์ซื้อไปไม่หมดหรือไม่
ดังนั้น ทางออกของเรื่องนี้คือ ท่านต้องมี คำขอตรวจข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเอง, เอกสารการชำระหนี้ว่าท่านชำระหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์หมดแล้ว ไปแสดงกับธนาคารที่ขอกู้สิ้นชื่อ เพื่อบอกว่าท่านปิดบัญชีหนี้จนหมด อธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าในอดีต ท่านเกิดหนี้เสียได้อย่างไร เอกสารแสดงรายได้, เงินฝาก และสิ่งที่ค้ำประกันว่า ท่านมีฐานะมั่นคงแล้ว จากนั้น ก็จะเป็นการพิจารณาเงินกู้ของธนาคารเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
หากใครที่เคยกู้บ้าน กู้รถ หรืออยากทำบัตรเครดิต สิ่งที่ต้องเจอแน่นอนคือการขอให้มีการตรวจเครดิตบูโร ซึ่งหลายคนในอดีตเคยทำพลาด ค้างค่างวดเกิน 3 เดือนจนกลายเป็นหนี้เน่า ทำให้กู้บ้าน กู้รถไม่ผ่าน เสียโอกาสที่จะได้สานฝันของตัวเอง วันนี้ 21 พฤศจิกายน 2563 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ได้ออกมาเผยแล้วว่า หากเกิดกรณีแบบนี้ จะทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายสุรพล เผยว่า หากใครที่เคยกู้เงินเพื่อขอสินเชื่อ แต่หมุนหนี้ไม่ทัน ค้างชำระเกิน 2 ปี แล้วธนาคารขายหนี้ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) เมื่อติดต่อไปชำระหนี้ที่บริษัทบริหารสินทรัพย์แล้ว ได้ใบปิดบัญชี และต่อมาต้องการกู้บ้านกับธนาคารแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิเสธ เพราะรหัสในบัญชีบูโรคือ 42 โอนหรือขายหนี้ให้กับนิติบุคคลอื่นหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ และมีประวัติค้างชำระหนี้เกิน 300 วัน จะทำอย่างไรดี
ทางออกคนติดเครดิตบูโร
โดยในความเป็นจริงคือ คนที่เคยติดแบล็กลิสต์ เป็นหนี้ NPL เพราะค้างเงินเกิน 3 งวด แล้วถูกขายหนี้ไปแล้วนั้น ยอดหนี้ในบัญชีจะเหลือ 0 เพราะบริษัทที่รับซื้อหนี้จ่ายหนี้ให้แทนแล้ว แต่หนี้ที่ซื้อไปนั้น อาจจะเป็นราคาเพียงครึ่งเดียวของหนี้ทั้งหมด
จากนั้น ธนาคารจะส่งข้อมูลบัญชีเดือนที่ขายออกไป โดยมีสถานะ 42 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อคุณไปยื่นขอสินเชื่อ และมีการตรวจสอบเครดิตบูโร ก็จะเห็นสถานะเป็น 42 ทำให้ทางธนาคารที่คุณขอกู้นั้น ไม่แน่ใจว่า หากให้คุณกู้เงินไปแล้ว เงินส่วนที่ให้ไปจะถูกนำไปใช้หนี้ในส่วนที่คุณบริษัทสินทรัพย์ซื้อไปไม่หมดหรือไม่
ดังนั้น ทางออกของเรื่องนี้คือ ท่านต้องมี คำขอตรวจข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเอง, เอกสารการชำระหนี้ว่าท่านชำระหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์หมดแล้ว ไปแสดงกับธนาคารที่ขอกู้สิ้นชื่อ เพื่อบอกว่าท่านปิดบัญชีหนี้จนหมด อธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าในอดีต ท่านเกิดหนี้เสียได้อย่างไร เอกสารแสดงรายได้, เงินฝาก และสิ่งที่ค้ำประกันว่า ท่านมีฐานะมั่นคงแล้ว จากนั้น ก็จะเป็นการพิจารณาเงินกู้ของธนาคารเอง
