เช็กอาการ 11 ธุรกิจกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากโรค COVID-19

          โรค COVID-19 ที่เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส ทำกลุ่มธุรกิจของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก มาเปิดรายชื่อกันว่ามีอะไรบ้างที่ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้

          โคโรนาไวรัส ที่ระบาดไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียย่ำแย่ เมื่อจีน ซึ่งเป็นต้นทางของการระบาดกำลังเผชิญภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ โดยมีการคาดการณ์กันว่า การเติบโตของจีดีพีจีนจะลดลงเหลือ 4% เท่านั้น ในไตรมาส 1 ของปี 2563 ยิ่งจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น อันเป็นแหล่งอุตสาหกรรมการผลิต การส่งออก และมีนักท่องเที่ยวออกเดินทางตลอดทั้งปี  ก็ส่งผลให้ทุกอย่างหยุดชะงัก

          ขณะที่ไทยเองก็ประสบปัญหาเช่นกัน เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนจีน เมื่อนักท่องเที่ยวจีนไม่เดินทาง ก็ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบทั้งหมด รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่โดนลูกโซ่ไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ วันนี้ เราจะพามาสำรวจว่า ธุรกิจอะไรบ้างที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงมากที่สุด

1. ธุรกิจการท่องเที่ยว

ภาพจาก Christopher PB / Shutterstock.com

          ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ในปี 2562 มีคนจีนเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเกือบ 11 ล้านคน สร้างรายได้ถึง 5.5 แสนล้านบาท ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจีนประกาศห้ามประชาชนออกนอกประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโคโรนาไวรัส จึงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยในทันที

          ไม่ว่าจะเป็นมัคคุเทศก์ บริษัทนำเที่ยว บริษัททัวร์  รถทัวร์ รถเช่า เรือโดยสารท่องเที่ยว  ร้านขายของฝาก ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่ง ททท. ประเมินว่า อาจสูญเสียรายได้ถึง 3 แสนล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก แต่หากยังไม่สามารถควบคุมโคโรนาไวรัสได้ ผลเสียหายจะมากกว่านี้ ยังไม่นับรวมกับรายได้ที่จะสูญเสีย จากจำนวนที่ลดลงของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่น เนื่องจากกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในไทย
 

           - พิษโคโรนาไวรัส ทำคนจีนหายเกลี้ยง ยอดขายตกฮวบ ตลาดรถไฟ-ท่าเรือวานิช เงียบสงัด 

          - ทัวร์จีนซบเซาหนัก ทยอยปิดตัวลงชั่วคราว หลังโคโรนาไวรัสระบาด ลูกจ้างหวั่นตกงาน

2. สายการบิน

          เมื่อคนไม่เดินทางท่องเที่ยว สายการบินก็ต้องได้รับผลกระทบ เพราะบางเส้นทางถูกระงับการบินชั่วคราว ทำให้ไฟลต์ลดลง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจะหายไปประมาณ 10% หรือหายไปประมาณ 1.1 ล้านคน คิดเป็นผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินในไทยลดลง 2.2 ล้านคน จะทำให้สายการบินสูญเสียรายได้ถึง 4,300-5,800 ล้านบาท ขณะที่การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสในไทย ก็ทำให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นขาดความเชื่อมั่นและเดินทางน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้อาจสูญเสียรายได้ 3,100-4,400 ล้านบาท รวม ๆ แล้ว ธุรกิจการบินในปีนี้ จะสูญเสียมูลค่าการตลาดโดยรวมถึง 8,000-11,000 ล้านบาท

3. ที่พัก รีสอร์ต โรงแรม

          แน่นอนว่าหากไม่มีคนมาเที่ยว บรรดารีสอร์ต โรงแรม และที่พักต่าง ๆ ย่อมมีรายได้ลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยว โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี คาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงแรมกว่า 7,500 ราย จะขาดรายได้ถึง 2.8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดกลาง ซึ่งขาดรายได้ถึง 49% รองลงมาเป็นธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก 31% และธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ 20% โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด อยู่ในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 7 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และพังงา

          - โคโรนาไวรัส ทำพิษ ! นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยกเลิกจอง รร. ย่านข้าวสาร 100 เปอร์เซ็นต์

4. ร้านนวด-สปา

          ร้านนวดและสปาจะมีรายได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการโดยตรง แต่หลังจากนักท่องเที่ยวลดลง ประกอบกับที่ตั้งร้านมักอยู่ในทำเลที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค COVID-19 คนไทยจึงหลีกเลี่ยงไปสถานที่ดังกล่าวด้วย พลอยทำให้การใช้บริการร้านนวดและสปาลดน้อยลงตามไปด้วย

5. ร้านอาหาร

          อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบคือ ร้านอาหาร เพราะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก นอกจากจะได้รับผลกระทบจากชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยน้อยลงแล้ว ลูกค้าชาวไทยก็ยังหายไปบางส่วน เพราะกลัวเสี่ยงติดเชื้อโคโรนาไวรัส จึงไม่กล้าออกจากบ้านไปกินอาหารข้างนอก ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี คาดการณ์ว่า ในครึ่งปีแรก ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จะมีมูลค่าลดลง 1.89 หมื่นล้านบาท

6. ห้างสรรพสินค้า

ภาพจาก Julian Peters Photography / Shutterstock.com

          ในช่วงนี้ ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่า ตามตลาดนัด ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า มีผู้คนมาเดินจับจ่ายซื้อของบางตา เพราะคนคิดว่ายิ่งออกจากบ้านบ่อยเท่าไร ก็เสี่ยงต่อการติดโรค COVID-19 มากขึ้นเท่านั้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายไปด้วย นั่นจึงทำให้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี มองว่า ในครึ่งปีแรก การซื้อ การบริโภคจะชะลอตัว และส่งผลให้มูลค่าธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มลดลง 2.84 หมื่นล้านบาท

7. โรงภาพยนตร์

          เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท เสี่ยงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัส ทำให้คนไม่กล้าออกนอกบ้านเพื่อดูภาพยนตร์ อีกทั้งปัจจุบันนี้ยังมีทางเลือกดูผ่านช่องสตรีมมิ่งที่บ้านก็ได้ โรงภาพยนตร์เลยได้รับผลกระทบไม่แพ้ธุรกิจอื่น

8. สินค้าเกษตร

          จีนนำเข้าสินค้าการเกษตรจากไทย มากถึง 900,000 ล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะผลไม้ แต่เมื่อจีนปิดเมืองเพื่อสกัดโคโรนาไวรัส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงมองว่า จะส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปประเทศจีน ลดลง 1-2% โดยราคาสินค้าการเกษตรบางอย่างอาจถูกกดราคาให้ต่ำลงในช่วง 2-3 เดือนหลังนี้

9. อุตสาหกรรมยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์

ภาพจาก humphery / Shutterstock.com

          อู่ฮั่น เป็นแหล่งอุตสาหกรรมยานยนต์–อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย เมื่อมีการปิดเมือง ปิดโรงงาน จนการผลิตหยุดชะงัก ก็ส่งผลกระทบต่อบริษัทไทยที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากจีนเพื่อใช้ในการผลิตรถยนต์และเครื่องจักรต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่าโรงงานบางส่วนต้องหยุดการผลิตชั่วคราว ขณะที่บางแห่งต้องปิดโรงงานพร้อมเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

10. อสังหาริมทรัพย์

          ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตในช่วง 2-3 ปีหลังได้เพราะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2562 คิดเป็นมูลค่าถึง 20,117 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ส่งผลให้นักลงทุนชาวจีนมีกำลังซื้อลดลง และไม่กล้าลงทุน เลยเริ่มมีการทิ้งเงินดาวน์และขอเลื่อนการโอนกรรมสิทธิ์กันมากขึ้น นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจึงคาดการณ์กันว่า ตลาดอสังหาฯ 2563 จะมีมูลค่าลดน้อยลงกว่าปีที่แล้ว โดยที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มอสังหาฯ ประเภทโรงแรม ธุรกิจให้เช่าคอนโด เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มลูกค้าคือชาวจีนทั้งหมด

11. ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก

          การส่งออกของไทยไปจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 11.8% จากการส่งออกไปทั่วโลก แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ศุลกากรยังไม่อนุญาตให้เคลียร์สินค้าเข้าประเทศจีน ทำให้สินค้าคงค้างอยู่ท่าเรือปลายทาง จึงกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะสั้น ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่นำเข้าสินค้าจากจีน เช่น รับพรีออร์เดอร์ ขายของออนไลน์ ซื้อสินค้าจากจีนมาขาย ช่วงนี้ก็ต้องขาดรายได้ไป เพราะไม่สามารถสั่งสินค้าจากจีนได้เช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ธุรกิจเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องเตรียมรับกับหางเลขของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ เพราะเมื่อธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งหยุดชะงัก หรือต้องปิดตัวลง จะทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น และไม่กล้าใช้จ่าย จึงส่งผลให้การบริโภคในทุกภาคส่วนของคนในประเทศชะลอตัวลงไปด้วย

          ด้วยผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค COVID 19 รวมถึงปัญหาความล่าช้าของการจัดสรรงบประมาณและปัญหาภัยแล้งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ แบงก์ ออฟ อเมริกา จึงคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 2.2% เท่านั้น สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ที่ปรับลดเป้าการเติบโตของจีดีพีไทยปีนี้ ลงมาเหลือขยายตัวแค่ 2.3% จาก 2.8%

ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ, กรุงเทพธุรกิจ, การเงินธนาคาร, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง, condotiddoi

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เช็กอาการ 11 ธุรกิจกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากโรค COVID-19 อัปเดตล่าสุด 4 เมษายน 2563 เวลา 06:13:08 42,118 อ่าน
TOP