กระทรวงการคลัง เล็งปรับเกณฑ์ภาษีอีคอมเมิร์ซ สั่งของจากต่างประเทศเพื่อนำมาขายต่อ โดนเก็บแวต 7% ตั้งแต่บาทแรก
วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประชุมร่วมกับกรมสรรพากรและกรมศุลกากร ทบทวนเรื่องการยกเว้นภาษีพัสดุไปรษณีย์จากต่างประเทศ โดยเล็งจะจัดเก็บภาษีมูลเพิ่ม (VAT) 7% กับสินค้านำเข้าทางไปรษณีย์และพัสดุเร่งด่วน ที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากคนไทยนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซหรือร้านค้าออนไลน์จากต่างประเทศมากขึ้น นับแสนรายการต่อวัน และบางส่วนมีสำแดงราคาเท็จต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อเลี่ยงภาษีขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ ยังพบผู้ประกอบการบางหลายสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์มาจำหน่ายโดยตรง หรือแยกนำเข้ามาเป็นห่อย่อย ๆ ไม่ให้เกิน 1,500 บาท ซึ่งเป็นช่องโหว่ทำให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษีที่ไม่เป็นธรรมอีกด้วย
โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้าสินค้าออนไลน์ ให้ทันในเดือนกรกฎาคม 2562 เบื้องต้นอาจจะแยกกลุ่มเก็บภาษี แบ่งเป็น คนที่สั่งซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อนำมาใช้ส่วนตัวจะได้รับยกเว้นภาษีเหมือนเดิม แต่ถ้านำเข้ามาเพื่อค้าขาย แม้จะต่ำกว่า 1,500 บาท ก็ต้องเสียภาษีทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เป็นอากรขาเข้ายังได้รับการยกเว้นอยู่เช่นเดิม ตามระเบียบองค์การการค้าโลก ซึ่งจะต้องมีการหารือเพื่อสรุปแนวทางอีกครั้ง จากนั้นถึงจะออกประกาศกระทรวงการคลัง ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ทั้งนี้ เนื่องจากคนไทยนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซหรือร้านค้าออนไลน์จากต่างประเทศมากขึ้น นับแสนรายการต่อวัน และบางส่วนมีสำแดงราคาเท็จต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อเลี่ยงภาษีขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ ยังพบผู้ประกอบการบางหลายสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์มาจำหน่ายโดยตรง หรือแยกนำเข้ามาเป็นห่อย่อย ๆ ไม่ให้เกิน 1,500 บาท ซึ่งเป็นช่องโหว่ทำให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษีที่ไม่เป็นธรรมอีกด้วย
โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้าสินค้าออนไลน์ ให้ทันในเดือนกรกฎาคม 2562 เบื้องต้นอาจจะแยกกลุ่มเก็บภาษี แบ่งเป็น คนที่สั่งซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อนำมาใช้ส่วนตัวจะได้รับยกเว้นภาษีเหมือนเดิม แต่ถ้านำเข้ามาเพื่อค้าขาย แม้จะต่ำกว่า 1,500 บาท ก็ต้องเสียภาษีทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เป็นอากรขาเข้ายังได้รับการยกเว้นอยู่เช่นเดิม ตามระเบียบองค์การการค้าโลก ซึ่งจะต้องมีการหารือเพื่อสรุปแนวทางอีกครั้ง จากนั้นถึงจะออกประกาศกระทรวงการคลัง ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้