จากดาราตัวประกอบ สู่เส้นทางสู่ฮอลลีวูด
ก่อนที่ ฟ่าน ปิงปิง จะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้ รู้ไหมว่าเธอเคยเป็นเพียงนักแสดงตัวเล็ก ๆ มาก่อน ซึ่งหลายคนน่าจะจำได้ดีกับบทสาวใช้ในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ที่ออกอากาศในช่วงปี 2541-2542 แต่หลังจากนั้น เธอก็พยายามพัฒนาฝีมือจนได้รับโอกาสในวงการบันเทิงจีนมาเรื่อย ๆ และมีผลงานดังอย่างภาพยนตร์เรื่อง Cellphone ในปี 2546
รายได้จากงานแสดงของฟ่าน ปิงปิง
อย่างที่เรารู้คือ ฟ่าน ปิงปิง มีงานแสดงมากมายทั้งในจีนเอง รวมถึงในฮอลลีวูดเธอก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยก็มีการคาดการณ์ว่ารายได้จากงานแสดงของ ฟ่าน ปิงปิง น่าจะอยู่ที่ประมาณเรื่องละ 20-30 ล้านหยวน หรือประมาณ 95-140 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละปีเธอรับงานไม่ใช่น้อยเลย ก็ลองคิดเล่น ๆ ดูก็ได้ว่าเธอจะมีรายได้มากมายขนาดไหน
โดยเฉพาะเมื่อปี 2557 ที่เธอได้รับโอกาสแสดงภาพยนต์เรื่อง X-Men ทำให้ภายในปีเดียว ฟ่าน ปิงปิง กวาดรายได้ไปถึง 21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 690 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของนักแสดงหญิงที่ทำเงินได้สูงสุดของโลกในปีนั้น เป็นรองเพียง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ สกาเล็ต โยแฮนสัน และเมลิสซา แมคคาร์ทรี เท่านั้น
เจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์แบรนด์ดังระดับโลก
อีกหนึ่งรายได้หลักของ ฟ่าน ปิงปิง มาจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าแบรนด์ดังและการออกงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ที่รวม ๆ แล้วน่าจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน เพราะแต่ละแบรนด์ที่ดึงเธอไปร่วมงานด้วยนั้น ล้วนแต่เป็นแบรนด์ระดับโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Chopard, Gucci, L'Oreal หรือ Louis Vuitton ที่ถือว่าเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้ออกคอลเลคชั่นในปี 2562 ร่วมกัน
รวมถึงการโดดมารับงานพรีเซ็นเตอร์ในเมืองไทยให้กับกลุ่ม King Power ที่มีการทุ่มงบกว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมแบรนด์ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับโลก แม้ว่าล่าสุดสัญญาระหว่าง ฟ่าน ปิงปิง กับ King Power จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
เปิดธุรกิจสตูดิโอเป็นของตัวเอง
หลายคนอาจจะติดกับภาพนักแสดง หรือการเป็นแฟชั่นนิสต้าของฟ่าน ปิงปิง แต่อาจไม่รู้ว่าเธอยังมีความสามารถในการเป็นโปรดิวเซอร์และทำธุรกิจอีกด้วย กับการเปิดสตูดิโอผ่านบริษัทที่ชื่อว่า "Fan BingBing Studio" ที่ก่อตั้งในปี 2550 ซึ่งเพียงปีแรกเธอก็รับงานเข้าบริษัทเป็นจำนวนมาก จากการผลิตภาพยนต์เข้าฉายในจีนมากถึง 8 เรื่องในปีเดียว
หลังจากนั้น Fan BingBing Studio ก็มีงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ ซีรีส์ และภาพยนตร์ โดยมีผลงานสร้างชื่อในปี 2557 อย่างซีรีย์ย้อนยุคเรื่อง The Empress Of China หรือ บูเช็คเทียน นั่นเอง
ขึ้นแท่นเศรษฐี นักแสดงจีนที่มีรายได้สูงสุด
ชื่อเสียงอันโด่งดังและการทำงานอย่างหนักของ ฟ่าน ปิงปิง นำมาด้วยรายได้มหาศาล จนทำให้เธอถูกยกให้เป็นนักแสดงชาวจีนที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 จากนิตรสารฟอร์บส์ (Forbes) ในปี 2554 ซึ่งในปีนั้น ฟ่าน ปิงปิง ทำเงินไปกว่า 110 ล้านหยวน หรือราว 525 ล้านบาท
ที่สำคัญคือเธอครองตำแหน่งนักแสดงจีนที่ทำรายได้มากที่สุดติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน และล่าสุดในปี 2561 ฟ่าน ปิงปิง ก็มีรายได้พุ่งไปถึง 300 ล้านหยวน หรือราว 1,400 ล้านบาท ถ้าคิดเป็นรายได้ต่อเดือนก็เรียกได้ว่ามากกว่าเดือนละ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว สูงกว่านักแสดงทุกคนในจีน
โดนจับคดีเลี่ยงภาษี
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีรายได้สูง ภาษีก็ต้องสูงตาม ยิ่งในจีนด้วยแล้วที่ต้องบอกว่าอัตราภาษีโหดเอาเรื่องเหมือนกัน ซึ่งมีการกำหนดภาษีแบบขั้นบันไดตั้งแต่ 3-45% ตามรายได้ โดยถ้าใครมีรายได้เกินกว่าเดือนละ 80,000 หยวน (380,000 บาท) ก็จะต้องเสียภาษีถึง 45% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ที่หาได้กันเลย
นั่นก็แปลว่าการที่ ฟ่าน ปิงปิง มีรายได้ถึงปีละ 300 ล้านหยวน (1,400 ล้านบาท) ทำให้เธอต้องจ่ายภาษีทั้งหมด 135 ล้านหยวน หรือกว่า 645 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลยนะ และนี่อาจเป็นสาเหตุให้เธอเลือกที่จะทำผิด โดยการเลี่ยงภาษี ด้วยการทำ "สัญญาหยิน-หยาง" คือ การเซ็นต์สัญญา 2 ฉบับ สัญญาแรกระบุค่าตัวที่จะได้รับจริง ๆ ส่วนอีกฉบับจะระบุค่าตัวที่น้อยกว่า เพื่อนำไปใช้แสดงต่อทางการจีนในการยื่นภาษีนั่นเอง
ภาพจาก Instagram bingbing_fan
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
forbes.com, South China Morning Post, ibtimes, The sun, worldwide-tax