อีลอน มัสก์ จ่อถอด Tesla จากตลาดหุ้น ควัก 2.37 ล้านล้าน ซื้อหุ้นคืนมาบริหารเอง

          อีลอน มัสก์ ประกาศเตรียมถอด Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ควัก 2.37 ล้านล้านซื้อหลักทรัพย์คืนจากตลาดหลักทรัพย์ หากผู้ถือหุ้นประสงค์จะขาย ยินดีให้ราคาหุ้นละ 1.4 หมื่น

          วันที่ 8 สิงหาคม 2561 เว็บไซต์ซีบีซีนิวส์ รายงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าพ่อเทคโนโลยีและนักธุรกิจชื่อดังวัย 47 ปี ผู้ก่อตั้ง สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) และ เทสลา (Tesla Inc.) ได้สร้างความตกตะลึงให้กับแวดวงการเงินการลงทุนทั่วโลก หลังจากที่อยู่ดี ๆ เขาก็ออกมาทวีตข้อความว่าตนกำลังพิจารณาว่าจะถอดเทสลาออกจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยราคาซื้อคืนหุ้นละ 420 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14,000 บาท) โดยเขาอธิบายเหตุผลว่าต้องการนำเทสลากลับมาบริหารเอง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด เพื่อทุก ๆ คน และยังอยากให้นักลงทุนยังเชื่อมั่นและอยู่กับเทสลาต่อไป เหมือนกับในกรณีของสเปซเอ็กซ์ แต่หากใครประสงค์จะขายหุ้นคืน ก็สามารถขายได้ในมูลค่าหุ้นละ 420 ดอลลาร์สหรัฐ


          อีลอน มัสก์ ได้นำเทสลาเข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 2553 หรือ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว บริษัทนวัตกรรมยานยนต์หน้าใหม่นี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และขึ้นมายู่ใน 10 อันดับ บริษัทยานยนต์ที่มูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว มูลค่าการซื้อขายของเทสลาอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 244.59 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,125 บาท ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็น 389.61 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,950 บาท ในเดือนกันยายน


          ในจดหมายเวียนที่ส่งถึงพนักงานทุก ๆ คนในบริษัทเทสลา นั้น อีลอนเปิดเผยว่า ความประสงค์ดังกล่าวยังอยู่ในช่วงการพิจารณา และยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เขาอธิบายว่าการที่เทสลากลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็หมายความว่าเทสลาอยู่ในมือของผู้คนมากมายที่ถือหุ้น และมันก่อให้เกิดความกดดันหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านดำเนินการใหญ่ ๆ

          ปัจจุบันอีลอนถือหุ้นเทสลาอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เขาไม่มีอำนาจมากพอในการควบคุมการตัดสินใจครั้งสำคัญ ๆ เพราะต้องฟังความเห็นและขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการผู้บริหารตามหลักเกณฑ์บริษัทในตลาดหลักทรัพย์

          อีลอนกล่าวว่า เขาต้องการให้เทสลาเติบโตต่อไปในระยะยาวตามแนวทางเดิมที่วางไว้ มุ่งมั่นไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพเหมือนกับ สเปซเอ็กซ์ ดีกว่าได้ผลประโยชน์ในระยะสั้น ท่ามกลางความกดดันจากหลาย ๆ อย่าง ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวก็ยังคงต้องฟังความเห็นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งถ้าผลการลงมติเป็นไปอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ มันก็จะกลายเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเทสลา ในการก้าวหน้าไปสู่อนาคต