เมื่อมีเงินก้อน คนส่วนใหญ่มักจะหาทางทำให้เงินก้อนนั้นงอกเงยหรือทำประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งเครื่องมือ 3 ชิ้นที่คนนิยมใช้ คือ 3 สหาย "เงินฝาก กองทุนรวม และประกันชีวิต" หลายคนอาจสงสัยว่า แต่ละตัวเลือกแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราควรเลือกแบบไหนดีที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด K-Expert มีแนวทางในการเลือกซื้อ และเลือกลงทุนมาฝากกัน
หลายคนคุ้นเคยกับเงินฝากเป็นอย่างดี แต่ก่อนจะนำเงินไปฝากนั้น แนะนำให้พิจารณาก่อนว่า เราต้องการออมเงินเพื่ออะไร จะได้เลือกรูปแบบเงินฝากได้อย่างเหมาะสม เช่น
- หากต้องการออมเงินเป็นเงินก้อนใหญ่ เหมาะกับเงินฝากประจำที่ให้เราฝากเงินทุกเดือน อย่างเงินฝากประจำแบบปลอดภาษี 24 เดือน ซึ่งเหมาะกับเป้าหมายที่ต้องการใช้เงินในอีก 2 ปีข้างหน้า เช่น เก็บเงินดาวน์บ้าน ดาวน์รถ เป็นต้น
- หากต้องการผลตอบแทนที่แน่นอนตามระยะเวลาที่กำหนด เหมาะกับเงินฝากประจำที่เมื่อเรามีเงินก้อนหนึ่งแล้วนำมาฝาก โดยเลือกออมเงินได้ตามกำหนดเวลาที่ต้องการ เช่น 3, 6, 12, 24 เดือน
- หากต้องการความสะดวกในการฝาก-ถอน-โอน-จ่าย เหมาะกับเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งจะสามารถฝากเงิน หรือถอนเงินเมื่อไรก็ได้ หากต้องการโอนเงิน หรือจ่ายเงินก็สามารถทำได้ทันที ซึ่งเราสามารถทำบัตร ATM หรือบัตรเดบิตคู่กับการเปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อความสะดวกในการถอนเงินที่ตู้ ATM และสำหรับบัตรเดบิต นอกจากจะใช้เบิกถอนเงินสดแล้ว ยังสามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการกับร้านค้าที่รับบัตรได้อีกด้วย
กองทุนรวม … ทางเลือกหลากหลาย เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลบริหารเงินให้เรา โดยกองทุนรวมมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะเหมาะกับวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนี้
- หากต้องการสภาพคล่อง เหมาะกับกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
- หากต้องการเพิ่มผลตอบแทน แต่ไม่อยากขาดทุนจากการลงทุนมากนัก เหมาะกับกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งมี 2 ประเภทด้วยกันคือ แบบไม่กำหนดระยะเวลา สามารถซื้อขายเมื่อไรก็ได้ และแบบกำหนดระยะเวลา เช่น 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งต้องถือลงทุนจนครบกำหนด แต่จะทราบผลตอบแทนจากการลงทุนล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มลงทุน
- หากต้องการเพิ่มผลตอบแทน โดยรับความเสี่ยงได้ ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง เหมาะกับกองทุนรวมหุ้น ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงจากการขาดทุนที่สูงได้เช่นกัน ถ้ารับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก เหมาะกับกองทุนรวมผสมที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งผลตอบแทน และความเสี่ยง หรือโอกาสขาดทุนจะอยู่ระหว่างกองทุนรวมหุ้น และกองทุนรวมตราสารหนี้
- หากต้องการลดหย่อนภาษี เหมาะกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แต่ก่อนจะลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ แนะนำให้ศึกษาเงื่อนไขในการลงทุนให้เข้าใจก่อน
ก่อนตัดสินใจทำประกันควรพิจารณาว่า เราต้องการทำประกันเพื่ออะไร จะได้เลือกแบบประกันที่เหมาะกับเรามากที่สุด เช่น
- หากต้องการคุ้มครองครอบครัว หรือคนที่รัก เหมาะกับประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือแบบชั่วระยะเวลา ซึ่งเป็นประกันที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง
- หากต้องการเก็บเป็นเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายในอนาคต เช่น เป็นทุนการศึกษาลูก เหมาะกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยจะได้รับเงินก้อนตามที่ระบุในกรมธรรม์เมื่อครบกำหนดสัญญา
- หากต้องการมีเงินไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ เหมาะกับประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยจะได้รับเงินจากประกันเป็นงวดๆ หลังเกษียณตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา
หวังว่าคำแนะนำข้างต้นจะเป็นแนวทางในการเลือกออมเงิน ลงทุนในกองทุนรวม และทำประกันชีวิต ให้กับผู้ที่สนใจได้นำไปใช้ ทั้งนี้ อย่าลืมตรวจสอบความต้องการหรือวัตถุประสงค์ในการออมและลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้การออมและลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้
· เก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดย 1 เท่า เก็บในบัญชีเงินฝากเพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย อีก 5 เท่า เก็บในกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ยังมีสภาพคล่องสูงอยู่ แล้วเงินออมส่วนที่เหลือค่อยนำไปลงทุนเพิ่มผลตอบแทน
· ทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อเลือกลงทุนในกองทุนรวมให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
· ทำประกันชีวิตให้มีความคุ้มครอง หรือทุนประกันอย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก