x close

เทคนิควางแผนลงทุน LTF แบบมือโปร



          ลงทุนในกองทุนรวม LTF ให้เต็มสิทธิ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทน และเป็นตัวช่วยในการประหยัดภาษี  

          เมื่อใกล้สิ้นปีเข้ามาเมื่อไร หลายคนคงกำลังมองหาการลงทุนที่ช่วยประหยัดภาษี ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนนั้น ควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขให้ดีก่อน เนื่องจากกองทุน LTF ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง เพราะมีนโยบายการลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม อีกทั้งการลงทุนใน LTF ต้องใช้เงินเย็น เพราะจะต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน เมื่อทราบเงื่อนไขเบื้องต้นแล้ว K-Expert ก็มีคำแนะนำในการวางแผนลงทุน LTF แบบมือโปร มาฝากดังนี้

สำรวจรายได้

          กองทุน LTF กำหนดให้ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้น อันดับแรกที่ต้องทำคือสำรวจรายได้ทั้งปีว่ามีเท่าไร ซึ่งรายได้ในที่นี้รวมรายได้ทุกประเภท ทั้งเงินเดือน โบนัส ค่าเช่า ฯลฯ ซึ่งถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไปอาจไม่ยุ่งยากมากนัก เพราะจะทราบรายได้ประจำที่ค่อนข้างเท่ากันตลอด แต่สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวหรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ต้องคำนวณรายได้ที่ต้องเสียภาษีให้ละเอียด เพื่อจะได้ทราบว่าปีนี้มีรายได้เท่าไร จะต้องเสียภาษีเท่าไร และควรลงทุนเพื่อประหยัดภาษีเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่

สำรวจความเสี่ยง


          อย่างที่ทราบกันดีว่ากองทุน LTF มีนโยบายลงทุนในหุ้นเป็นหลัก และต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน จึงทำมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นในระยะยาว ดังนั้น ก่อนการลงทุนจึงมีข้อกำหนดให้ต้องประเมินว่าผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่ชอบความเสี่ยงมาก อาจเลือกกองทุน LTF ที่จำกัดส่วนการลงทุนในหุ้น หรือกองทุน LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด

ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน


          การลงทุนทุกครั้งจะต้องตั้งเป้าหมายว่าต้องการได้รับผลตอบแทนเท่าไร ในรูปแบบไหน และยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการลงทุนในกองทุน LTF ก็เช่นกัน เพราะกองทุน LTF มีทั้งกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากและกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกสับเปลี่ยนกองทุนไปมาได้ ทั้งในยามที่ตลาดผันผวน หรือเมื่อได้กำไรในระดับที่ต้องการ



          นอกจากนี้ กองทุน LTF ยังมีทั้งแบบที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และแบบที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ซึ่งการเลือกรับผลตอบแทนที่ต่างกันก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเช่นกัน เช่น หากเลือกกองทุน LTF แบบจ่ายเงินปันผล กองทุนจะจ่ายเงินปันผลเมื่อมีกำไร ผู้ลงทุนก็จะมีกระแสเงินสดรับเข้ามาในระหว่างลงทุน แต่ถ้าเลือกกองทุนที่ไม่จ่ายเงินปันผล ก็จะได้รับผลตอบแทนเฉพาะเมื่อขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งจะมากหรือน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นในขณะนั้น

          อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่เลือกกองทุน LTF ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลจะต้องเสียภาษีเมื่อได้รับเงินปันผลด้วย ดังนั้น แนะนำว่า ผู้ที่เสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า 10% ควรเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เพื่อจะได้ไม่ต้องนำเงินปันผลไปรวมกับรายได้ที่จะนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีนั่นเอง

K-Expert Action

          • รวบรวมเงินได้ในปีภาษี 2559 เพื่อคำนวณสิทธิการลงทุนสูงสุดของกองทุนรวม LTF
          • กรณีเลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล หากฐานภาษีสูงกว่า 10% แนะนำให้หักภาษีเงินปันผล ณ ที่จ่าย เพื่อที่จะไม่ต้องนำเงินปันผลมาคำนวณรวมกับเงินได้เพื่อเสียภาษี


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เทคนิควางแผนลงทุน LTF แบบมือโปร อัปเดตล่าสุด 15 กันยายน 2560 เวลา 16:54:07 4,618 อ่าน
TOP