x close

แชร์ประสบการณ์เก็บเงิน...จากขโมยรุ่นจิ๋ว สู่หนุ่มแบงก์สู้ฝัน ซื้อคอนโด 50 ล้าน !

          แชร์ประสบการณ์เก็บเงิน เปลี่ยนชีวิตจากการเป็นขโมยโดยไม่รู้ตัวในวัยเด็ก สู่วัยทำงานที่เก็บเงินเติมฝัน หวังซื้อคอนโดราคา 50 ล้าน !
 
แชร์ประสบการณ์เก็บเงิน

          คงไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อนในชีวิต เพราะนั่นอาจแปลได้ว่าทั้งชีวิตของคนคนนั้นอาจไม่เคยทำอะไรมาก่อนเลยเช่นกัน ดังนั้นหากความผิดพลาดนั้นไม่หนักหนาสาหัส คนที่ทำผิดก็ควรได้รับโอกาส
   
          เหมือนอย่างประสบการณ์พลิกชีวิตของหนุ่มคนหนึ่ง ที่คุณ สาวสีลม สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ได้นำมาแชร์เป็นข้อคิดเตือนใจ ให้มนุษย์เงินเดือนและทุกคนได้มีแรงบันดาลใจในการก่อร่างสร้างตัวด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง และก็ไม่ควรจะรอช้า เพราะสตาร์ทไวกว่าก็ได้เปรียบ

แชร์ประสบการณ์เก็บเงิน

          จุดพลิกชีวิตจากขโมยรุ่นจิ๋ว สู่หนุ่มแบงก์สู้ฝัน เก็บเงินซื้อคอนโด 50 ล้าน โดยคุณ สาวสีลม สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
   
          อยากจะแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ของน้องชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่รู้จักกันมาตั้งแต่เขามาฝึกงานที่เมืองไทย จนตอนนี้กลายเป็นหนุ่มแบงก์อนาคตไกลมีฝันใหญ่เก็บเงินซื้อคอนโด 2 ห้องนอนให้ได้ก่อนอายุ 40 ปี !!!
   
          ขอยกนิ้วกดไลค์ให้เลยเพราะว่าที่สิงคโปร์คอนโดขนาดนี้ราคาตั้ง 50 ล้าน แพงกว่าเมืองไทยเป็นสิบเท่าตัว
   
          จุดพลิกชีวิตของน้องชาคริต (นามสมมตินะคะ น้องเขาเลือกเองเพราะเคยมาฝึกงานเมืองไทย ^^) เริ่มตอนที่เขา 9 ขวบ เพราะความเป็นเด็กไม่รู้อะไร เห็นเศษเหรียญที่ญาติวางทิ้งไว้เลยหยิบไปซื้อขนมบ่อย ๆ จนวันหนึ่งถูกคุณพ่อจับได้ พ่อเลยสอนว่า "การหยิบเงินคนอื่นไปเนี่ยถือว่าเป็นการขโมยนะ ถ้าลูกอยากมีเงิน ลูกต้องรู้จักที่จะเก็บเงินเอง"
    
          ชาคริตตกใจเพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำถือเป็นการขโมยของ จากจุดเล็ก ๆ นี้เองทำให้เริ่มเรียนรู้ว่าเขาจะต้องรู้จักที่จะหยอดกระปุกเอง ไม่ใช่ไปเอาเงินจากกระปุกของคนอื่น และก็ไม่ใช่แบมือขอพ่อแม่
   
          ด้วยความที่ชาคริตได้ค่าขนมไม่มาก บางครั้งเขาเลยได้แต่มองเพื่อนที่มีค่าขนมเยอะ กินขนมอร่อย พอเขาอายุได้ 13 ปี ชาคริตก็ปิ๊งไอเดียสปีดอัพเงินในกระปุกโดยการเอาขนมใส่เป้ไปขายให้เพื่อนที่โรงเรียน ปรากฏว่าขายดี ได้เงินมาอาทิตย์ละ 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ อุ๊ต๊ะ ! กดเครื่องคิดเลขรัว ๆ เดือนหนึ่งได้ตั้ง 2 หมื่นบาท !!!
   
          ตอนแรกคิดว่าฟังผิด รีบถามว่าขายขนมหรือขายอะไรจ๊ะ ทำไมได้เงินเยอะ แล้วก็ถึงบางอ้อคือ น้องเขาฉลาดมาก ถ้าพูดให้หรูหราภาษามาร์เกตติ้งก็ต้องบอกว่าเขารู้จักศึกษาและเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี แต่ถ้าพูดภาษาบ้าน ๆ ก็คือรู้ว่าบรรดาเพื่อน ๆ หิวบ่อยแต่ขี้เกียจเดินลงบันไดไปซื้อขนมที่ร้านป้าชั้น 1 ขนมของชาคริตเลยขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และยังขายได้ราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย
   

          แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทำไปได้เทอมเดียวก็เริ่มโดนครูจับได้ สุดท้ายเลยต้องเลิกไป ยังไงก็ตามถือว่านั่นเป็นจุดเร่ิมต้นการฝึกฝนเรื่องการขายและการทำธุรกิจเลยทีเดียว
   
          และแล้วชีวิตชาคริตก็พลิกผันอีกครั้ง จากการหาเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้แบบเด็ก ๆ เขาก็เริ่มมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ตอนอายุ 16 ปี เขาขอให้พ่อช่วยซื้อแล็ปท็อปให้ พ่อแม่เขาไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยแต่เพราะความรักลูกเลยตัดใจซื้อแล็ปท็อปให้ในราคา 5 หมื่นกว่าบาท
   
          สมัยก่อนแล็ปท็อปแพงมากนะคะ ไม่ได้ถูกเหมือนสมัยนี้ ชาคริตเลยตั้งเป้าว่าจะใช้คอมพิวเตอร์หาเงินมาคืนให้พ่อ เขาจึงเริ่มเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์จริงจังและหัดซ่อมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 17 ปี หลายปีก่อนซ่อมคอมพิวเตอร์เนี่ยเงินดีน้า เวลาว่างยังไปเป็นติวเตอร์อีก หยอดกระปุกแค่ปีเดียวชาคริตก็คืนค่าคอมพิวเตอร์ให้พ่อได้ทั้งหมด
    
          แต่พอเขาทำไปไม่นานก็รู้ว่าเขาไม่ชอบนั่งจมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมและจ้องหน้าจอตลอดเวลา บวกกับช่วงนั้นเขาเองก็ต้องเลือกสาขาเรียนเลยเลือกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ
   
          ตั้งแต่ตอนเรียนจบ ชาคริตมีเป้าหมายที่จะมีบ้านเป็นของตนเองเลยเก็บเงินด้วยการหักเงินเดือนออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วเอาไปออมและลงทุนในหุ้น กองทุน รวมทั้งซื้อประกัน เขาจะคอยศึกษาอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจและหนังสือเรื่องลงทุนตลอดเวลา เพื่อที่จะหาโอกาสในการลงทุนที่ปลอดภัย
   
          ตอนนี้ชาคริตอายุแค่ 27 ปี ก็มีเงินเก็บสะสมไว้ 2-3 ล้าน เขาคำนวณแล้วว่าถ้าเขาขยันหยอดกระปุกและลงทุนเพื่อให้เงินทบต้นไปเรื่อยแบบนี้ เขาจะมีเงินซื้อบ้านและผ่อนคอนโด 50 ล้านได้หมดภายในอายุ 40 ปี !
 
          หวังว่าเรื่องนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเริ่มการสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นฝันเล็กหรือฝันใหญ่ ถ้าเราตั้งเป้าแล้วลงมือทำ คอยศึกษาและมุ่งมั่นทำฝันให้สำเร็จ เชื่อว่าฝันนั้นจะเป็นจริงได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
 
          ทิ้งท้ายการเล่าถึงความฝันและความตั้งใจของ จขกท. นะคะ ปีนี้ จขกท. ตั้งเป้าหมายที่จะเขียนและแชร์เรื่องราวของคนรอบข้างที่สามารถเก็บเงิน ลงทุน โดยจะเขียนทุกเดือน เดือนละ 2 เรื่อง ไม่ใช่ว่าอยากดังเป็นบล็อกเกอร์ตามแฟชั่นนะคะ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาไปช่วยทำงานในมูลนิธิที่เขาบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล และให้ทุนการศึกษากับเด็กยากไร้

   
          เอ๊ะแล้วเกี่ยวกันยังไง ? ^^ เพราะการที่เห็นหลายคนต้องนอนรอคิวหมอตามโรงพยาบาลรัฐบาลตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เด็กหลายคนสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแต่ขาดโอกาสเรียนเพราะไม่มีค่าเทอม เลยกลับมาตั้งคำถามว่า ต้องมีคนมาบริจาคแค่ไหนถึงจะพอกับความต้องการ ยิ่งฟังข่าวที่ว่าเมืองไทยมีคนเป็นหนี้เยอะมาก เลยยิ่งถามตัวเองใหญ่ว่าทำไมคนถึงไม่มีเงิน
   
          ในที่สุดก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า เพราะคนไทยไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเงิน การลงทุน หลายคนกลัว และหลายคนถูกหลอก...คราวนี้เลยถามตัวเองต่อว่าแล้วจะช่วยยังไงได้บ้าง สุดท้ายก็เห็นว่าตัวเองโชคดีที่มีคนรอบข้างรู้วิธีการลงทุน เก็บเงิน จนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเอาเรื่องราวเหล่านี้มาแบ่งปัน เขียนในภาษาที่ง่าย ๆ อ่านสนุกก็น่าจะเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย เลยเป็นที่มาของการแบ่งปันเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะ เก็บออมเงิน ถ้าใครคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น คุณเองก็ช่วยคนอื่นได้ด้วยการแชร์นะค้า ^__^  ขอบคุณค่ะ

          สุดท้ายนี้เจ้าของกระทู้ยังเอื้อเฟื้อฝากข้อคิดดี ๆ มาด้วยว่า เราต้องพยายามให้ถึงที่สุด ตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ ไม่ต้องกลัวผิดหวัง เพราะถ้าพลาดเป้าไปบ้าง แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรในชีวิตเลย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คุณสาวสีลม สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แชร์ประสบการณ์เก็บเงิน...จากขโมยรุ่นจิ๋ว สู่หนุ่มแบงก์สู้ฝัน ซื้อคอนโด 50 ล้าน ! อัปเดตล่าสุด 26 กรกฎาคม 2562 เวลา 17:52:32 6,284 อ่าน
TOP