กรมทางหลวง เล็งขยับค่ามอเตอร์เวย์ เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี และเส้นทางบางปะอิน-บางพลี เป็น กม. ละ 1.50 บาท จากเดิม กม. ละ 1 บาท จ่อตั้งกองทุนระดมเงิน
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นตรงกันให้กรมทางหลวงปรับขึ้นค่าผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง คือ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 เส้นทางบางปะอิน-บางพลี โดยจากปัจจุบันจัดเก็บกิโลเมตรละ 1 บาท
เนื่องจากเห็นว่าค่าผ่านทางปัจจุบันยังเก็บในอัตราต่ำเกินไป จึงต้องการให้กรมทางหลวงเพิ่มการจัดเก็บรายได้จากค่าผ่านทางเพิ่ม ให้มีสัดส่วนสอดคล้องกับรายจ่ายและเงินลงทุนที่ใช้ก่อสร้างไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังถือว่าเป็นแนวทางที่จะช่วยลดภาระงบประมาณการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กับรัฐบาล เพราะเมื่อกรมทางหลวงมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถนำเงินจากกองทุนเงินค่าธรรมเนียมมาใช้ลงทุนก่อสร้างได้ โดยไม่ต้องขอเงินงบประมาณจากส่วนกลาง
โดยปัจจุบันกรมทางหลวง มีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 เส้นทางบางปะอิน-บางพลี รวมปีละประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ดังนี้
มอเตอร์เวย์ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี มีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางประมาณ 7,200 ล้านบาท มอเตอร์เวย์ สาย 9 เส้นทางบางปะอิน-บางพลี มีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางประมาณ 4,800 ล้านบาททั้งนี้ กรมทางหลวง ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาข้อดีข้อเสียจากการปรับขึ้นค่าผ่านทาง เช่น ปริมาณการใช้ทางรายได้ รายจ่ายในอนาคตที่เกี่ยวกับค่าซ่อมบำรุง การลงทุนในอนาคตว่าเป็นอย่างไร เพื่อวิเคราะห์ว่าควรจะปรับค่าผ่านทางในอัตราเท่าใดจึงจะเหมาะสม และไม่กระทบต่อผู้ใช้ทางมากเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีหลาย ๆ หน่วยงานที่เสนอให้กรมทางหลวง จัดเก็บกิโลเมตรละ 1 บาท เป็นกิโลเมตรละ 1.50 บาท ซึ่งทางกรมทางหลวงก็เห็นด้วยว่าควรจะปรับขึ้น เพราะตั้งแต่สร้างมอเตอร์เวย์มา 15 ปี ไม่เคยมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางเลย แต่จะปรับขึ้นในอัตราเท่าไร ยังตอบไม่ได้ขอศึกษาความเหมาะสมก่อน
ขณะที่ กรมบัญชีกลาง เล็งเห็นว่า กรมทางหลวงควรนำโครงการมอเตอร์เวย์ที่มีความเหมาะสม มาร่วมระดมทุนกับกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ของรัฐบาล โดยเสนอให้นำมอเตอร์เวย์ใน 2 สายทาง ที่ให้บริการในปัจจุบันมาเข้าร่วมในกองทุน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีการรับรู้รายได้ที่ชัดเจนและสามารถประเมินแนวโน้มรายได้ในอนาคตได้ เมื่อขายกองทุนได้จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนก่อสร้างโครงการในอนาคตต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
