สำนักสถิติแห่งชาติ เผย ข้อมูลผู้ว่างงานเดือนสิงหาคม 2558 พบเด็กจบใหม่ระดับอุดมศึกษาว่างงานมากสุด เพิ่มขึ้น 46,000 คน จากปีก่อน ขณะที่ ภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงที่สุด และสาขาที่ผู้ว่างงานลดลงมากที่สุดคือ สาขาการขายและสาขาซ่อมยานยนต์
วันที่ 2 กันยายน 2558 สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยผลการสำรวจอัตราการว่างงานของคนไทยในเดือนสิงหาคม 2558 พบว่า มีผู้ว่างงานมากถึง 377,999 คน จากจำนวนผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน 38.94 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแบ่งอัตราผู้ว่างงานเป็นแต่ละประเภท ดังนี้
1. พิจารณาตามระดับการศึกษาของผู้ว่างาน แบ่งตามลำดับ คือ
ระดับอุดมศึกษา 157,000 คน เพิ่มขึ้น 46,000 คน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 89,000 คน
ระดับมัธยมปลาย 74,000 คน
ระดับประถมศึกษา 44,000 คน
ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 13,000 คน
2. พิจารณาออกเป็นรายภาค แบ่งตามลำดับ คือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 37,000 คน
กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 27,000 คน
ภาคกลางเพิ่มขึ้น 21,000 คน
ภาคใต้เพิ่มขึ้น 9,000 คน
ภาคเหนือมีผู้ว่างงานลดลง 4,000 คน
สำหรับภาคที่มีคนว่างงานมากที่สุดในเดือนสิงหาคม พบว่า ภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงที่สุด คือ 1.3% รองลงมาคือกรุงเทพฯ 1.1% ภาคกลาง 1% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 0.9% และ ภาคเหนือ 0.7% ตามลำดับ
3. พิจารณาตามลักษณะการทำงาน จากผู้มีงานทำ 38.49 ล้านคน แบ่งได้คือ
เป็นผู้ทำงานภาคเกษตรกรรม 13.51 ล้านคน มีผู้ทำงานลดลง 130,000 คน จาก 13.64 ล้านคน เป็น 13.51 ล้านคน
ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 24.98 ล้านคน มีผู้ทำงานเพิ่มขึ้น 250,000 คน จาก 24.73 ล้านคน เป็น 24.98 ล้านคน
ทั้งนี้ภาพรวมของการทำงานของคนไทย พบว่า ประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 55.29 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 16.35 ล้านคน หรือคิดเป็น 29.6% และผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน 38.94 ล้านคน คิดเป็น 70.4% เป็น โดยแยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. ผู้มีงานทำ 38.49 ล้านคน คิดเป็น 98.8% ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน
2. ผู้ว่างงาน 377,000 คน คิดเป็น 1%
3. ผู้ที่รอทำงานในฤดูกาลต่อไป 71,000 คน คิดเป็น 0.2%
ขณะที่สาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ มีอัตราผู้ที่ทำงาน ดังนี้
สาขากิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย, การดูแลสัตว์เลี้ยง, การบริการซักรีดและซักแห้ง 80,000 คน
สาขาการก่อสร้าง 60,000 คน
สาขาการผลิต, สาขากิจกรรมทางการเงินและการประกันภัยและสาขาการศึกษา เพิ่มขึ้นเท่ากัน คือ 40,000 คน
สาขาการบริหารราชการการป้องกันประเทศและการประกันสังคมภาคบังคับ 20,000 คน
ส่วนสาขาที่ลดลงมากที่สุดคือสาขาการขายส่งการขายปลีก, การซ่อมยานยนต์และรถจักรยานยนต์ 190,000 คน
สาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 80,000 คน
สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าและสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก