x close

กองทุนการออมแห่งชาติ แหล่งออมเงินเพื่อเกษียณของคนทำอาชีพอิสระ

กองทุนการออมแห่งชาติ

         กองทุนการออมแห่งชาติเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของคนทำอาชีพอิสระที่อยากมีเงินใช้หลังเกษียณ ซึ่งหากเริ่มออมเร็ว เงินบำนาญที่ได้รับก็จะสูงตามไปด้วย
   
         ใครอยากมีเงินใช้หลังเกษียณทุกเดือนฟังทางนี้ค่ะ สำหรับคนที่ทำอาชีพอิสระทั่วไปและไม่ได้อยู่ในกองทุนตามกฎหมายอื่นที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง รวมถึงไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชนก็ดีใจได้ เพราะรัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันให้กับชีวิตในยามเกษียณ โดยสมาชิกกองทุนฯ จะได้รับบำนาญเป็นรายเดือนไว้ใช้ตอนเกษียณ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร และกองทุนฯ ที่ว่านี้แตกต่างจากกองทุนประกันสังคมมาตรา 40 อย่างไรบ้างนั้น K-Expert ได้รวบรวมมาฝากดังนี้ค่ะ

กองทุนการออมแห่งชาติคืออะไร

         กองทุนการออมแห่งชาติเป็นกองทุนการออมเพื่อวัยเกษียณซึ่งส่งเสริมให้คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญได้สร้างหลักประกันหลังเกษียณของตัวเองขึ้นมา

ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนฯ เท่าไร และรัฐบาลจ่ายเงินสมทบให้เท่าไร

         สมาชิกกองทุนฯ จ่ายเงินสะสมไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อเดือนและไม่เกิน 13,200 บาทต่อปีค่ะ โดยเงื่อนไขการออมเงินมีความยืดหยุ่นมาก คือไม่จำเป็นต้องฝากเงินสะสมทุกเดือนและไม่จำเป็นต้องฝากเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือนอีกด้วย ถ้าปีไหนเราส่งเงินสะสมไม่ไหว ก็จะไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐในปีนั้น แต่ยังคงสิทธิการเป็นสมาชิกและคงบัญชีรายบุคคลไว้เหมือนเดิม

        สำหรับการจ่ายเงินสมทบนั้น รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้ตามระดับอายุของสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินสะสมค่ะ คือ

        อายุ 15-30 ปี รัฐจ่ายให้ 50% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี
        อายุ 31-50 ปี รัฐจ่ายให้ 80% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 960 บาทต่อปี
        อายุ 51-60 ปี รัฐจ่ายให้ 100% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

        ดังนั้น ถ้าเริ่มออมเร็ว เงินบำนาญที่จะได้รับก็จะสูงตามไปด้วยค่ะ

สมาชิกกองทุนฯ จะได้รับเงินเมื่อไร

         สมาชิกกองทุนฯ จะได้รับเงินเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ค่ะ โดยจะได้รับเป็นบำนาญรายเดือนตลอดชีวิต แต่หากทุพพลภาพก่อนอายุ 60 ปี จะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจะได้รับเมื่ออายุครบ 60 ปีแล้วค่ะ ถ้าลาออกจากกองทุนฯ จะได้รับเฉพาะเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมเท่านั้น และหากเสียชีวิต ผู้ที่สมาชิกแจ้งชื่อไว้กับกองทุนฯ หรือทายาทจะได้รับเงินก้อนเท่ากับจำนวนเงินในบัญชี

ใครสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้บ้าง และสมัครอย่างไร

         ผู้สนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ค่ะ ซึ่งเฉพาะปีแรกที่ พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้จะให้สิทธิกับคนที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องไม่อยู่ในกองทุนตามกฎหมายอื่นที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้างและไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชนค่ะ ใครสนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมเป็นต้นไป โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง www.fpo.go.th ค่ะ

กองทุนการออมแห่งชาติแตกต่างจากกองทุนประกันสังคมมาตรา 40 หรือผู้ประกันตนโดยอิสระอย่างไร

         เรามาดูรายละเอียดกองทุนประกันสังคมมาตรา 40 กันก่อนค่ะ กองทุนนี้เปิดโอกาสให้คนอายุ 15-60 ปี ที่ไม่เป็นลูกจ้างตามมาตรา 33 หรือผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 39 ได้เป็นผู้ประกันตนโดยอิสระ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานต่างๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

         สำหรับการจ่ายเงินสมทบสามารถทำได้ 5 ทางเลือกด้วยกัน โดยสิทธิประโยชน์พื้นฐานที่ผู้ประกันตนโดยอิสระได้รับจะแตกต่างกันไปตามทางเลือกที่เราได้เลือกไว้ดังนี้ค่ะ

กองทุนการออมแห่งชาติ

         เมื่อเปรียบเทียบกองทุนการออมแห่งชาติกับกองทุนประกันสังคมมาตรา 40 ในแง่ของเงินบำนาญที่จะได้รับและสวัสดิการอื่น ๆ ได้ผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ

         สมมติเราสมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ ตอนอายุ 25 ปี และจ่ายเงินสะสมทุกเดือน เดือนละ 100 บาท ไปจนถึงอายุ 60 ปี เมื่อเกษียณคาดว่าจะได้รับเงินบำนาญประมาณ 954 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต

         แต่ถ้าสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยอิสระตามมาตรา 40 ตอนอายุ 25 ปี และเลือกจ่ายเงินสมทบทางเลือกที่ 3 เดือนละ 100 บาท ไปจนถึงอายุ 60 ปีซึ่งได้รับเฉพาะเงินบำนาญ ไม่มีสิทธิประโยชน์อื่นเช่นกัน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพขั้นต่ำเดือนละ 600 บาทไปตลอดชีวิตค่ะ

         จะเห็นว่าตัวเลขเงินบำนาญที่จะได้รับแตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว โดยกองทุนการออมแห่งชาติจะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าอยากได้รับสวัสดิการอื่น ๆ ของประกันสังคม เช่น เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย หรือทุพพลภาพ รวมถึงค่าทำศพกรณีเสียชีวิต ก็สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยอิสระตามมาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 เพิ่มเติมจากกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมดตามที่ต้องการค่ะ

         ส่วนคนที่เป็นผู้ประกันตนโดยอิสระตามมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3,4,5 อยู่แล้ว รัฐบาลมีนโยบายให้โอนผู้ประกันตนในส่วนนี้ไปให้กองทุนการออมแห่งชาติบริหารแทนค่ะ โดยทางสำนักงานประกันสังคมจะส่งจดหมายแจ้งสิทธิที่มีอยู่และจำนวนเงินสะสมไปให้ผู้ประกันตนทราบ และให้ผู้ประกันตนไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคมว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายไปเข้ากองทุนการออมแห่งชาติค่ะ ดังนั้น แนะนำให้ผู้ประกันตนย้ายไปกองทุนการออมแห่งชาติ โดยโอนเงินสมทบและผลประโยชน์ กรณีบำนาญชราภาพที่ส่งไปแล้วไปยังกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อให้สามารถออมเงินเพื่อเกษียณได้อย่างต่อเนื่องต่อไปค่ะ

         สำหรับคนที่ทำอาชีพอิสระทั่วไป และยังไม่มีหลักประกันใด ๆ ให้กับชีวิตหลังจากเกษียณอายุไปแล้ว ลองพิจารณาแหล่งออมเงินเพื่อเกษียณตามที่แนะนำดูนะคะ นอกจากนี้ แนะนำให้เก็บออมเงินเพื่อเกษียณเพิ่มเติมจากแหล่งออมเงินของภาครัฐ และนำไปลงทุนสร้างผลตอบแทนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินพอใช้ในยามเกษียณ ไม่เป็นภาระของลูกหลาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเราค่ะ

         ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ "กอช. แหล่งออมเงินเพื่อเกษียณของคนทำอาชีพอิสระ" ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com

K-Expert Action

        จัดสรรเงินออมเพื่อเกษียณในแต่ละเดือนตามความเหมาะสมและวางแผนใช้เงินให้เพียงพอ

        ทำอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายรับในแต่ละเดือนให้มากขึ้น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กองทุนการออมแห่งชาติ แหล่งออมเงินเพื่อเกษียณของคนทำอาชีพอิสระ อัปเดตล่าสุด 26 กันยายน 2560 เวลา 11:50:02 2,889 อ่าน
TOP