กระทรวงยุติธรรมเตรียมแก้กฎหมายเพิ่มโทษนายทุน-สถาบันการเงินที่เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 15 พร้อมให้คำจำกัดความ ดอกเบี้ย รวมค่าธรรมเนียม-ค่าบริการ อุดช่องโหว่ทางกฎหมาย
วันที่ 17 มิถุนายน รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานข่าวการปรับเพิ่มโทษในกรณีที่เจ้าหนี้เก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา โดย นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม เผยว่ามีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ซึ่งมีการบังคับใช้มานานกว่า 83 ปี โดยจะต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมและทันสมัย เพื่อให้นายทุนมีความเกรงกลัวต่อโทษทางอาญา รวมทั้งให้การกู้ยืมเงินเป็นไปในทางที่ควรและสงบสุข มีความยุติธรรมมากขึ้น
นางสุวณา กล่าวต่อว่า จะมีการควบคุมการเรียกเก็บดอกเบี้ยทั้งในระบบและนอกระบบ และควบคุมไม่ให้มีการกู้เงินฟุ่มเฟือย คือการกู้ง่ายจนเกินไป ทั้งนี้บทลงโทษเดิมกำหนดโทษผู้เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งบทลงโทษเบาไป จึงเสนอให้ปรับใหม่คือ หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท แต่หากผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มกระบวนการที่เป็นลักษณะนายทุนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และหากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเพิ่มโทษเป็น 2 เท่า
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดความหมายของคำว่า ดอกเบี้ย หมายรวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าบริการเรียกเก็บ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจประเภทบัตรเครดิต ไฟแนนซ์ หรือหนี้ในระบบ มักมีการใช้ถ้อยคำอื่นที่ทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่ดอกเบี้ย เพื่ออาศัยช่องโหว่หลีกเลี่ยงกฎหมาย
ภาพจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก