จากกรณีเครื่องบิน Q400 ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินจากจังหวัดน่าน ที่เกิดขัดข้องไม่สามารถปิดประตูและขึ้นบินได้ เนื่องมาจากปัญหาประตูตกร่องและต้องทำการรีเซตใหม่ จนต้องนำเครื่องบินลำใหม่ไปเปลี่ยน ซึ่งเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารวีไอพีจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ และนายแฟรงค์ ไบสทรอกี้ ผู้บริหารจากบริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุน่าจะมาจากการปฏิบัติงานของลูกเรือระหว่างปิดประตู ซึ่งการตัดสินใจไม่นำเครื่องลำดังกล่าวขึ้นบินนั้น เนื่องจากต้องการให้ฝ่ายช่างตรวจสอบประตูก่อน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารมากที่สุด และหากมีปัญหาเรื่องอุปกรณ์สายการบินนกแอร์ยอมให้เที่ยวบินล่าช้าดีกว่า ทั้งนี้จากปัญหาที่เกิดขึ้นทางสายการบินจะฝึกอบรมให้ลูกเรือแต่ละเที่ยวบินทำการรีเซตประตู เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
อย่างไรก็ดี นายพาที เปิดเผยว่า เนื่องจากเส้นทางการบินภายในประเทศของสายการบินนกแอร์ค่อนข้างครอบคลุม นกแอร์จึงจะเตรียมเปิดเส้นทางบินเชื่อมโยงภูมิภาคเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้จะเปิดเส้นทางการบินเชื่อมโยงประเทศจีนเป็นหลัก โดยขณะนี้เปิดทำการบินไปยังเมืองเห่อเฝยแล้วได้รับการตอบรับที่ดี และจะพิจารณาเพิ่มอีก 3-4 เส้นทางบิน เนื่องจากหลังจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น เช่น ยุโรปลดลง ดังนั้น นักท่องเที่ยวจีนจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ เส้นทางเชื่อมโยงไทยและจีนจะมีส่วนสำคัญรองรับกลยุทธ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ จะมีการเปิดเส้นทางบินเชื่อมเวียดนามอีกด้วยภายในปลายปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวบินของนกแอร์จะอยู่ที่ร้อยละ 88-89 และปีนี้มีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 4 ลำ ทำให้มีฝูงบิน 28 ลำ ส่วนปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 11-12 ล้านคน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nok Air
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก