ภาพประกอบจาก Ttatty / Shutterstock.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Business Insider
ข้อเสียที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ของการเป็นพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ลองมาดูข้อเสียจากปากพนักงานเฟซบุ๊ก ที่อาจทำให้คุณต้องอึ้งไปเลยก็ได้ !
เฟซบุ๊ก (Facebook) มักได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุด ฟังดูก็ไม่น่าแปลกอะไรเพราะปัจจุบันใคร ๆ ก็ใช้เฟซบุ๊ก ดังนั้นหากได้ร่วมงานกับองค์กรใหญ่ระดับโลกคงเป็นเรื่องเจ๋งมากทีเดียว แต่ช้าก่อน ! เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลที่อาจจะเปลี่ยนความคิดของหลาย ๆ คน จากเว็บไซต์ Business Insider มาฝาก โดยมีข้อมูลจากทั้งพนักงานเก่าและใหม่ของเฟซบุ๊กหลายคน ที่ยืนยันว่าเฟซบุ๊กอาจไม่ได้น่าทำงานอย่างที่คิด มาดูกันดีกว่าว่าอะไรคือสาเหตุ ด้วย 20 เหตุผลที่พนักงานเฟซบุ๊กยืนยันว่าทำงานที่นี่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันจ้า..
ทำงานแบบนอนสต็อป 24 ชั่วโมง 7 วัน รวมกันถึง 6 สัปดาห์ต่อปี
Keith Adams วิศวกรของเฟซบุ๊กบอกว่า ในบางสัปดาห์เขาต้องสแตนบายอยู่ที่บริษัท รวมถึงชาร์จแบตและเปิดโทรศัพท์เพื่อให้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนหลับ ซึ่งนั่นหมายความว่าตลอด 24 ชั่วโมงของทั้งสัปดาห์ เขาจะมีธุระอื่นไม่ได้เลย !
ไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกคนต้องนั่งทำงานรวมกัน !
แม้ว่าในบริษัทที่เป็นมืออาชีพส่วนใหญ่ จะแบ่งพื้นที่การทำงานของแต่ละบุคคลออกจากกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวและสมาธิในการทำงาน แต่บริษัทเฟซบุ๊กแห่งนี้ทุกคนต้องนั่งรวมกันโดยไม่มีที่กั้นใด ๆ ซึ่งวิศวกรบอกว่าไม่มืออาชีพสมกับเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เอาซะเลย
ผู้บริหารส่วนใหญ่มีไอเดียแค่น้อยนิด หรือไม่ก็มุ่งแต่สร้างทีมอยู่นั่นแหละ
พนักงานเก่ารายหนึ่งบอกว่า มีผู้บริหารในเฟซบุ๊กน้อยรายที่จะสามารถซื้อใจลูกทีมได้ นอกจากนี้พวกเขายังสนใจเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองหรือการเมืองภายใน มากกว่าเรื่องของทีมงาน อีกทั้งยังออกไอเดียน้อยซะด้วย
ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานการทำงานที่เหมาะสม
พนักงานบางคนบอกว่า แม้ว่าเฟซบุ๊กจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เคยเอาใจใส่ในเรื่ององค์กร หรือความมั่นคงบ้างเลย ซึ่งบริษัทมีพนักงานที่ต้องดูแลตั้ง 4,000 คนเชียวนะ น่าจะมีระบบมากกว่านี้
พนักงานถูกคาดหวังว่าจะต้องรู้ทุกเรื่องของเฟซบุ๊ก
อดีตพนักงานรายหนึ่งบอกว่า เขามักถูกเพื่อนและครอบครัวตำหนิเกี่ยวกับการทำงานของเฟซบุ๊ก รวมถึงที่ภรรยาของเขามักถูกร้องขอให้แก้ปัญหาการใช้งาน เพราะผู้คนคิดว่าเมื่อแต่งงานกับพนักงานเฟซบุ๊ก ก็ต้องรู้จักเฟซบุ๊กทุกเรื่องสิน่า ! แต่ที่จริงคนละแผนกก็ทำงานไม่เหมือนกันแล้วนะ
เป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ทำงานเหมือนมือใหม่ในวงการ
แม้ว่าเฟซบุ๊กจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ก็ทำงานเหมือนกับบริษัทมือใหม่อยู่เสมอ โดยถ้าจะให้เปรียบเปรย ก็แบบเดียวกับที่ อดัม แซนด์เลอร์ ที่อายุไม่ใช่น้อยมารับเล่นแต่บทวัยรุ่นนั่นแหละ
ไม่ใส่ใจในเรื่องทีมงานเอาซะเลย
อดีตเด็กฝึกงานคนหนึ่งกล่าวว่า ถ้าบริษัทสื่อสารกับทีมด้วยวิสัยทัศน์ที่กระจ่างแจ้งกว่านี้ ก็น่าจะช่วยพัฒนาและสร้างผลลัพธ์ในด้านบวกให้บริษัทได้อย่างมากมายกว่านี้
สำหรับบางคนมันคือประสบการณ์การทำงานที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต !
พนักงานบางคนระบุว่า เขาเคยต้องรับมือกับ 2 ผู้นำที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิตเลยทีเดียว และแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่นั่นอาจทำให้ผู้คนเดาได้ไม่ยากว่าคือใคร
เพื่อนร่วมงานทั้งโอหังและช่างดูถูกดูแคลน
พนักงานบางคนบอกว่า ที่นี่เต็มไปด้วยพวกคนหัวสูงที่เอาแต่คบกันเอง แถมยังหยาบคาย และชอบดูถูกคนอื่นอีกด้วย
มอบหมายงานที่ไม่เหมาะสมให้ทำ
อดีตพนักงานคนหนึ่งกล่าวว่า เพื่อนร่วมงานปฏิบัติกับเขาอย่างกับถังขยะ โดยใช้ให้ทำงานที่ไม่เหมาะสมอย่าง การแยกผ้าที่จะส่งซักของผู้บริหาร โดยในนั้นมีชุดชั้นในสกปรก ๆ ของภรรยาผู้บริหารติดมาด้วย
ทุกอย่างเป็นเกมแห่งการคาดเดา ที่ปิดท้ายด้วยความล้มเหลวในที่สุด
พนักงานคนหนึ่งกล่าวว่า เขาถูกมอบหมายให้ปฏิบัติงานให้สำเร็จภายใน 10 วัน โดยไม่ได้รับคำเสนอแนะอะไรแม้แต่ข้อเดียว ซึ่งการไม่มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนทำให้งานล้มเหลวได้ง่าย ๆ
ภาพประกอบจาก Kobby Dagan / Shutterstock.com
ผู้บริหารเอาเวลาไปใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
พนักงานบางคนตำหนิว่า Mark Zuckerberg และ Sheryl Sandberg ใช้เวลากับกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับเฟซบุ๊กอย่างเปล่า ๆ ปลี้ ๆ แทนที่จะมาโฟกัสเรื่องงาน
สนใจในการแข่งขันกับ Google มากเกินไป
บ่อยครั้งเฟซบุ๊กก็สนใจเรื่องคู่แข่งอย่างกูเกิล มากกว่าโฟกัสที่ความแข็งแกร่งและภารกิจที่ตัวเองต้องทำ แล้วอย่างนี้จะสู้เขาได้อย่างไร
ลืมอาหารและเครื่องดื่มฟรีไปได้เลย ที่ทำงานแห่งนี้ไม่มีให้หรอก !
ลองจินตนาการถึงห้องขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยโต๊ะทำงานเรียงเป็นแถว และพนักงานนั่งแบบไหล่ชนไหล่ มีตั้งแต่เงินเดือน 6 หลักถึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สภาพการทำงานที่นี่เป็นอย่างนี้ ดังนั้นอย่าได้นึกไปถึงสวัสดิการอย่างอื่นเชียว
แม้แต่เด็กฝึกงานก็ตัดสินใจเรื่องสำคัญได้
เพราะแม้ว่าจะไม่มีความเข้าใจในเนื้องานอย่างดีเท่าที่ควร แต่พนักงานบางคนก็ตัดสินใจเรื่องสำคัญโดยไม่ปรึกษาผู้จัดการ แถมยังมีเด็กฝึกงานที่ตัดสินใจบางเรื่องเองอีกด้วย
ชีวิตการทำงานน่าเบื่อด้วยงานที่ซ้ำซากไปมา
แม้ว่าการเมืองภายในองค์กรจะเป็นสิ่งแย่ ๆ ที่ไม่สร้างความจรรโลงใจให้กับบริษัทใด ๆ เลย แต่พนักงานบางคนบอกว่ามันกลับดีต่อที่นี่ เพราะหากปราศจากสิ่งนี้แล้ว ชีวิตการทำงานก็จะมีแต่ รหัส รหัส รหัส ฟังดูน่าเบื่อไม่หยอกเลยใช่ไหมล่ะ
ภาพประกอบจาก Twin Design / Shutterstock.comไม่เห็นอนาคตของบริษัทเกี่ยวกับช่องทางมือถือเลย
บอกเลยว่าเฟซบุ๊กมักถูกตำหนิจากผู้ใช้งานจนชาชิน ก็แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ บนมือถือ นอกจากไม่ให้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังเป็นตัวกินแบตเตอรี่ซะอีก ซึ่งเดาได้เลยว่าในอนาคตจะต้องสูญเสียลูกค้าไปไม่น้อยทีเดียว
ทำงานให้เฟซบุ๊ก ก็เสียเวลาเหมือนตอนเล่นเฟซบุ๊กนั่นแหละ
เพราะการทดสอบรหัสระหว่างการทำงาน ทำให้พนักงานต้องเข้าไปใช้งานเฟซบุ๊ก ซึ่งบางทีก็ถูกเฟซบุ๊กพาให้เถลไถลเสียเวลา เหมือนตอนเล่นอยู่บ้านไม่มีผิดเลย เอ๊ะอันนี้ใช่ข้อเสียของบริษัทหรือเปล่านะ !?
ไม่สามารถสลัดงานออกไปได้ แม้กระทั่งวันหยุดพักผ่อน
ภายในองค์กรจะมีกลุ่มเฟซบุ๊กสำหรับทุกทีมหรือทุกโปรเจคท์ ซึ่งมันจะคอยส่งเสียงเตือนตลอดเวลา ดังนั้นพนักงานจึงเหมือนไม่เคยออกจากบริษัทเลย แม้กระทั่งวันหยุดพักผ่อน !
ได้รับอีเมลเป็นพันฉบับต่อวัน !
อดีตพนักงานเฟซบุ๊กคนหนึ่งยืนยันว่า วัน ๆ จะได้รับอีเมลภายในมากกว่า 1,600 ฉบับ ซึ่งอย่าพูดถึงเรื่องเปิดอ่านเลย แค่เห็นก็ชวนวิงเวียนแล้วล่ะ
แม้ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่บริษัทของเราอยู่ดี
แม้ว่าการทำงานในเฟซบุ๊กจะดูเจ๋งน่าอวดเพื่อนขนาดไหน แต่การทำงานที่นี่ก็ยังเป็นการเติมเต็มความฝันให้คนอื่นอยู่วันยังค่ำ ฟังดูเศร้าดีใช่ไหมล่ะ
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า นี่เป็นข้อมูลจากพนักงานบางส่วนเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าจะใช้ตัดสินแทนพนักงานทุกคนในบริษัทไม่ได้ เอาเป็นว่าบริษัทไหน ๆ ก็มีทั้งด้านดีและด้านเสียด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นในฐานะพนักงานก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นพอ แล้วเราก็จะเจอบริษัทที่ดีที่สุดสำหรับเราแน่นอนจ้า
