x close

ประยุทธ์ เตือนธนาคาร อย่ากระตุ้นสินเชื่อส่วนบุคคล หนี้ครัวเรือนพุ่ง


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            นายกรัฐมนตรี เตือน ไม่ควรกระตุ้นสินเชื่อส่วนบุคคลมากเกินไป ควรเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพสินเชื่อ เพื่อให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระยะยาว

            เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จากการหารือเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการค้ำประกันและจดจำนอง ว่า ในขณะนี้ ทางสมาคมได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยที่ธนาคารพาณิชย์ต่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว ทั้งในเรื่องการติดตามหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 และยอมรับว่ามีผลต่อการพัฒนาสินเชื่อหรือการทำงานของธนาคาร แต่จะไม่กระทบต่อลูกค้า

            ในส่วนของการเข้าหารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา พบว่า การให้ภาคธุรกิจเข้าร่วมเสนอแนะความคิดเห็นและทำงานร่วมกับภาครัฐนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี ธนาคารพาณิชย์เองมีความแข็งแรง มีกองทุนที่มั่นคง ถือเป็นสายเลือดในระบบเศรษฐกิจ ธนาคารสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และองค์ประกอบอื่นนั้นเอื้อให้การทำงานของธนาคารได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ควรมีการผลักดันกฎหมายหลักประกันธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน โดยเชื่อว่า กฎหมายดังกล่าว จะสามารถผ่านรัฐบาลชุดนี้ได้ และจะมีการคิดว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงิน และแก้กฎหมายธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดขั้นตอนการใช้กระดาษ

            ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงเรื่องการทำงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ว่า ไม่ควรสนับสนุนสินเชื่อภาคบุคคลมากเกินไป เพราะตอนนี้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว หากต้องการสนับสนุน ควรเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพตัวเอง และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

            ส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น ควรจะเติบโตไปตามเศรษฐกิจ และหากธนาคารมีความยั่งยืน ระบบธนาคารก็เติบโตได้ แม้จะมีความผันผวนจากการที่สหรัฐอเมริกาที่ยกเลิกมาตรการคิวอี และอาจปรับอัตราดอกเบี้ยระหว่างที่มีการคาดการณ์ดอกเบี้ยจะเห็นความผันผวนที่ต้องจับตา โดยที่เงินบาทจะอ่อนค่าลง แต่เมื่อเทียบทั้งภูมิภาคแล้วจะอ่อนน้อยกว่า และหากเฟดขึ้น ดอกเบี้ยสภาพคล่องก็จะหายไป ส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้จีดีพีโตขึ้น 0.5% และคาดว่าปีนี้จีดีพีจะโตกว่า 3-4%

            นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงยังส่งผลดีต่อภาคการผลิตที่ต้นทุนต่ำลง แต่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรที่ใช้พลังงานทดแทน ที่อาจจะทำให้ราคาต่ำลงด้วย ส่วนการเคลื่อนย้ายทรัพยากรภาคเกษตรพลังงานทดแทนอาจทำไม่ทัน แนะนำให้ปรับปรุงการใช้พลังงานเดินหน้าต่อไป เพื่อความปลอดภัยและเป็นการกระจายแหล่งพลังงานในอนาคต


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประยุทธ์ เตือนธนาคาร อย่ากระตุ้นสินเชื่อส่วนบุคคล หนี้ครัวเรือนพุ่ง อัปเดตล่าสุด 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 17:04:57 1,389 อ่าน
TOP