x close

คลัง จ่อชง ครม. ผุดมาตรการภาษี ตั้งไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร

เรียบเรียงข้อมูลโดย กระปุกดอทคอม

                คลังขานรับนโยบาย "ปรีดิยาธร" เตรียมชง ครม. ไฟเขียวดันไทยสู่ศูนย์กลางของภูมิภาค เล็งใช้มาตรการภาษีชวนตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (ROH) ในไทย คาดเพิ่มมูลค่าระบบเศรษฐกิจ 1-1.2 แสนล้านบาท สร้างรายได้รัฐบาล 1.4-1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี 


                วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2557) แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค หรืออินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง เฮดควอเตอร์ (International Trading Headquarter) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตามนโยบายของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ รายได้ประเทศ และรายได้ของรัฐบาล กล่าวคือจะเป็นการเพิ่มมูลค่าระบบเศรษฐกิจได้ราว 1-1.2 แสนล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลจำนวน 1.4-1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี

                สำหรับแนวทางการส่งเสริมนั้นจะดำเนินการโดยใช้มาตรการทางด้านภาษี เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (ROH) ในไทยเท่านั้น แต่จะไม่เน้นจูงใจในส่วนของนักลงทุนข้ามชาติให้เข้ามาจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในไทย เนื่องจากประเทศอื่นมีแรงจูงใจที่มากกว่า

                อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเทศสิงคโปร์มีบริษัทเข้าไปตั้งสำนักงานระหว่างประเทศมากถึง 1,800 แห่ง ส่วนมาเลเซียมี 800 แห่ง แต่สำหรับประเทศไทยมีเพียง 120 แห่งเท่านั้น ซึ่งนับว่าห่างกันค่อนข้างมาก แม้ว่าไทยจะใช้นโยบายใหม่ก็แข่งขันกับสิงคโปร์และมาเลเซียได้ยาก ในเบื้องต้นเป้าหมายคือการทำให้บริษัทใหญ่ของไทย อาทิ เครือ ปตท. และอีกหลายบริษัทที่ไปตั้งสำนักงานลักษณะนี้ในต่างประเทศหันกลับมาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย

                แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การให้สิทธิประโยชน์ของไทยมีเงื่อนไขที่สูง ไม่ยืดหยุ่น ให้สิทธิประโยชน์น้อย มีโทษปรับกรณีผิดเงื่อนไข ทำให้บริษัททั้งต่างชาติและของไทยไม่ค่อยนิยมมาตั้งสำนักงานระหว่างประเทศใน ไทยและมีบางกิจกรรมที่ไทยไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์ อาทิ การบริหารเงิน ประกัน การบริหารความเสี่ยง

                ทั้งนี้ แนวทางการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของไทยนั้น จะประกอบด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี โดยเน้นให้สิทธิธุรกรรมที่มีฐานรายได้ในต่างประเทศ และบริษัทในเครือที่อยู่ต่างประเทศ โดยจะมีการปรับปรุงเงื่อนไขให้เหมาะสม เพื่อลดปัญหาในทางปฏิบัติและสนับสนุนการทำธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับเงินได้จากการบริหารเงิน ประกันภัย การค้า และโลจิสติกส์ ที่มีฐานรายได้ในต่างประเทศ พร้อมกับการให้สิทธิพิเศษด้านวีซ่า (VISA work permits) ระยะยาว สำหรับผู้ที่เข้ามาทำงานในไทยรวมถึงครอบครัว แต่จะไม่ให้สิทธิประโยชน์กรณีเงินได้ที่ส่งจากประเทศในอัตราภาษีต่ำกว่าไทย หรือมีอัตราภาษี 15%

                แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ไทยจำเป็นที่จะต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นให้มีการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค เป็นเพราะว่าเมื่อพิจารณาจากประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจนี้สร้างมูลค่าได้สูงถึงปีละ 1.57 แสนล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้นการเข้ามาของบริษัทต่างชาติเพื่อใช้ไทยเป็นฐานบริหารการลงทุน จะเป็นการดึงดูดผู้บริหารระดับสูงที่มีความรู้ความสามารถ และมีรายได้สูง จะเป็นการสร้างงานที่มีเงินเดือนสูง ก่อให้เกิดการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการวางแผนภาษีของบริษัทไทยที่ไปตั้งฐานการบริหารการลงทุนยังต่างประเทศ ทำให้สิทธิประโยชน์ที่ได้ดีกว่า



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คลัง จ่อชง ครม. ผุดมาตรการภาษี ตั้งไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โพสต์เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2557 เวลา 17:09:40
TOP